คลังเผยครม.อนุมัติลดภาษี”ไวน์-สุราชุมชน”หนุนไทยฮับท่องเที่ยว
คลังเผยครม.อนุมัติลดภาษี”ไวน์-สุราชุมชน”หนุนไทยฮับท่องเที่ยว ดันรายได้เพิ่ม 2.9 พันล้านบาท กรณีสุราชุมชนช่วยหนุนซอฟพาวเวอร์ไทย ระบุ ไม่ลดภาษีเบียร์-สุรา เพราะมีอัตราที่เหมาะสมแล้ว
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. วันที่ 2 ม.ค.67 มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์การเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและกระตุ้นเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทย
ประกอบด้วย 2 มาตรการหลัก ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดภาษีสถานบันเทิง โดยมีการเพิ่มพิกัดภาษีใหม่ สำหรับสุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ สาโท ที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน7ดีกรี จากเดิมเก็บภาษีตามมูลค่า 10% ลดเหลือ 0% ขณะที่ภาษีปริมาณเก็บเท่าเดิม 150 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตรแห่งแอลกอฮอล์ ส่วนสุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสม เช่น โซจูที่มีแรงแอลกอฮอล์ไม่เกิน7ดีกรี ให้เก็บภาษีตามมูลค่าที่ 10% เท่าเดิม แต่ขึ้นภาษีปริมาณจากเดิม 150 บาทต่อลิตร เป็น 255 บาทต่อลิตร
นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงภาษี ไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น จากเดิมเก็บภาษีมูลค่าราคาเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และสำหรับไวน์ที่ราคาไม่เกิน 1,000 บาท เก็บที่ 0% ปรับเป็นเหลือภาษีเท่ากันที่ 5% และปรับลดเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์จาก 1,500 บาทต่อลิตร เหลือ 1,000 บาทต่อลิตร
ขณะที่ ภาษีฟรุ๊ตไวน์ หรือสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น จากเดิมเก็บภาษีมูลค่าราคาเกิน1,000 บาท ที่ 10% และสำหรับไวน์ที่ราคาไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ลดเหลือ 0% ทั้งหมด ขณะที่การเก็บภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ยังเท่าเดิม 900 บาทต่อลิตร
ขณะเดียวกัน ได้ปรับปรุงภาษีสถานบริการ ซึ่งประกอบกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ เช่น ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ จากภาษีอัตรา 10% ของรายรับ ลดเหลือ 5% มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุดถึง 31 ธ.ค. 67 เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ
นายลวรณกล่าวว่า ครม.ยังได้เห็นชอบ ปรับปรุงโครงสร้างภาษีนำเข้าสินค้าไวน์ โดยยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าไวน์ในประเภทพิกัด 22.04 และ 22.05 รวม 21 รายการจากเดิม 54-60% ให้เหลือ 0% ทั้งหมดเพื่อต้องการขยายฐานการบริโภคและลดการลักลอบหลีกเลี่ยง ซึ่งจะทำให้กรมศุลฯ มีรายได้ลดลง 451 ล้านบาท แต่จะช่วยให้ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางไวน์ได้ในอนาคต ที่สำคัญขณะนี้ไทยกำลังมีการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป ซึ่งจะต้องมีการลดภาษีเหลือ 0% อยู่แล้วในอนาคต
ปลัดกระทรวงการคลังประเมินว่า มาตรการดังกล่าว จะทำให้ยอดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้นและจะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกรณีของสุราชุมชนนั้น ยังมีส่วนสนับสนุนนโยบายซอฟพาวเวอร์อีกด้วย
เขากล่าวว่า โครงสร้างภาษีเครื่องดื่มไวน์และสุราชุมดังกล่าวนั้น จะนำมาใช้ตลอดไป โดยกรมสรรพสามิตและศุลกากรจะเร่งให้มีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.67 ยกเว้นการลดภาษีสถานบันเทิงที่จะทำเพียงชั่วคราวถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งประโยชน์ที่ได้จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย และไม่กระทบต่อภาพรวมของการเก็บภาษี
“การลดภาษีดังกล่าวจะทำให้การจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นสุทธิ 401ล้านบาทต่อปี และจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.0073% เทียบกับกรณีไม่มีมาตรการ ขณะที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 2.9 พันล้านบาท”
นอกจากนี้ ภาครัฐยังจะสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มเติมในอนาคตจากการเพิ่มขึ้นของการจับจ่ายใช้สอยและการเพิ่มขึ้นของรายได้ของผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร ธุรกิจบริการ สถานบันเทิง โรงแรมที่พักผู้ให้บริการขนส่ง สายการบินเป็นต้น และส่งผลให้มีการลงทุนขยายกิจการและการจ้างงานเพิ่มขึ้นต่อไปส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีขึ้น
เขากล่าวด้วยว่า เหตุที่เราไม่ลดอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทอื่น เช่น เบียร์ และ สุรา เพราะเห็นว่า อัตราปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว กรณีของไวน์นั้น นอกจากจะสนับสนุนการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะสนับสนุนให้ไทยเป็นฐานในการจัดงานเอ็กโปร์สินค้าไวน์ ซึ่งไทยมีศักยภาพแต่ที่ผ่านมา จัดไม่ได้ เพราะอัตราภาษีที่จัดเก็บอยู่ในระดับสูง