10 ม.ค. เคาะค่าไฟงวดใหม่ - แย้ม พ.ค.-ส.ค. 67 ไม่ขึ้น

วันที่ 10 มกราคมนี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะพิจารณาอัตราค่าไฟงวดใหม่(มกราคม-เมษายน) ปี 2567 โดยอัตราจะถูกกว่า 4.20 บาทต่อหน่วย แต่จะเกิน 4.15 บาทต่อหน่วย หรืออยู่ระดับ 4.15-4.19 บาทต่อหน่วย โดยการพิจารณาครั้งนี้เกิดจากข้อมูลต้น ทุนค่าไฟ ที่คาดว่าจะครบถ้วนจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) ที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) 4 ด้าน ประกอบด้วย ปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติทั้งระบบ ยืดหนี้กฟผ. ให้ปตท.ทำราคาก๊าซใหม่คืนเงินค่าปรับจากเชฟรอนที่ส่งให้ปตท.กรณีไม่สามารถผลิตก๊าซฯได้ตามสัญญา หรือ shortfallวงเงิน 4,300 ล้านบาท

“เรื่องการคำนวณต้นทุนค่าไฟมีความละเอียดอ่อน ต้องรอบคอบและถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เกิดปัญหาฟ้องร้องกันภายหลัง โดยข้อมูลจากปตท.มีความซับซัอนมากที่สุด ขณะนี้กกพ.ได้ข้อมูลแล้ว แต่ปตท.ยังไม่มีหนังสือยืนยันตัวเลขทางการ จึงต้องอยู่ที่กกพ.ว่าจะพิจารณาจากข้อมูลที่มี หรือยังไม่เคาะเพื่อเอกสารทางการจากปตท.”รายงานข่าวระบุ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตัวเลขชัดเจนต้องรอ กกพ. ประกาศ ไม่แทรกแซง เพราะ กกพ. รอตัวเลขทบทวนราคาก๊าซฯจากปตท. แต่ยืนยันว่าค่าไฟงวดใหม่นี้จะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับและรื้อโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ทั้งหมดทำให้ภาพรวมค่าไฟฟ้าลดลงอย่างต่ำ 48 สตางค์ จากเดิมที่ประกาศไว้ 4.68 บาทต่อหน่วย เฉพาะผลจากการรื้อโครงสร้างราคาก๊าซฯ ลดได้ 5 -11.5 สตางค์

นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงค่าไฟฟ้างวดที่ 2 ของปี 2567 ว่า มีสัญญาณที่ดีเพราะแนวโน้มราคาก๊าซฯทรงตัว เพราะจะได้ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยที่เพิ่มขึ้นจากเดิมขาดหายไป โดยได้รับรายงานว่าปริมาณก๊าซฯอ่าวไทยแหล่งเอราวัณจะได้ตามแผน 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2567 จากเดือนธันวาคม 2566 ได้ไม่ถึง​ 600​ ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน​ เรื่องนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลถึงค่าไฟฟ้าในระยะต่อไปด้วย
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานกำลังวางแนวทางควบคุมราคาก๊าซฯ ที่เป็นปัญหาหลักทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น เช่นเดียวกับการบริการจัดการราคาน้ำมัน หากสามารถดำเนินการได้ทั้งหมดจะลดผลกระทบให้กับประชาชนที่ต้องเผชิญผันผวนค่าไฟฟ้าที่ผันผวน