มาตรา 9 พ.ร.บ.วินัยการคลัง วัดใจ ครม.-พรรคร่วม ผ่านกฎหมายกู้เงิน 5 แสนล้าน

มาตรา 9 พ.ร.บ.วินัยการคลัง วัดใจ ครม.-พรรคร่วม ผ่านกฎหมายกู้เงิน 5 แสนล้าน

ส่องมาตรา 9 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ วัดใจพรรคร่วม ครม.เห็นชอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หลังกฎหมายระบุชัด ครม.ต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ก่อให้เกิด ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ ประชาชนระยะยาว

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท มีความชัดเจนมากขึ้นอีกลำดับ เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังบอกว่าได้รับหนังสือตอบกลับจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตอบคำถามเรื่องการออกกฎหมาย พ.ร.บ.กู้เงินวงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาทแล้ว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวานว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่านโยบายนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการแจกเงินดิจิทัลมีอำนาจตามกฎหมายที่ทำได้ แต่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า ต้องดำเนินการภายใต้มาตรา 53 และ 57 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังพ.ศ.2561  

โดยมาตรา 53 การกู้เงินของรัฐบาลนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหาร หนี้สาธารณะ ให้กระทรวงการคลังกระทําได้ก็แต่โดยอาศัยอํานาจตามกฎหมายที่ตราขึ้นเป็นการเฉพาะ และเฉพาะกรณีที่มีความจําเป็นที่จะต้องดําเนินการโดยเร่งด่วนและอย่างต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติ ของประเทศ โดยไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจําปีได้ทัน

ส่วนมาตรา 57 การกู้เงินตามมาตรา 53 และมาตรา 56 จะกระทําได้แต่เฉพาะเพื่อใช้จ่าย ตามแผนงานหรือโครงการที่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือสังคม และเมื่อหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นเจ้าของ แผนงานหรือโครงการมีความพร้อมที่จะดําเนินการตามแผนงานหรือโครงการที่จะใช้จ่ายเงินกู้นั้นแล้ว

โดยกระทรวงการคลังจะได้รายงานคำตอบดังกล่าวต่อที่ประชุม ครม.ในวันที่ 9 ม.ค.2566 จากนั้นจะนัดประชุมคณะกรรมการเงินดิจิทัลเพื่อกำหนดกรอบเวลาให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์หลังจากนี้ เพื่อขอมติการเดินหน้าโครงการนี้ โดยรัฐบาลจะพยายามให้โครงการอยู่ในกรอบเวลาที่เคยกำหนดไว้ และขณะนี้ได้ยกร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ดังกล่าวในเบื้องต้นแล้วคาดว่าจะสามารถแจกเงินได้ในวันที่ 1 พ.ค.2567

 

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าในการขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นอกจากมาตรา 53 และมาตรา 57 ใน พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังและต้องดำเนินการตามข้อกฎหมายแล้ว

มาตรา 9 พ.ร.บ.วินัยการคลังวางกรอบ ครม.ใช้อำนาจกู้เงิน

ยังมีกฎหมายอีกมาตราหนึ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องคำนึงร่วมกันในขั้นตอนที่มีการนำเอา พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตตามนโยบายแล้วยังมีกฎหมายมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินและการคลัง พ.ศ.2561 ที่ระบุการใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีในส่วนของกฎหมายที่เป็นเรื่องการเงินการคลังของรัฐว่า

มาตรา 9 พ.ร.บ.วินัยการคลัง วัดใจ ครม.-พรรคร่วม ผ่านกฎหมายกู้เงิน 5 แสนล้าน

“คณะรัฐมนตรีต้องรักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้ อย่างเคร่งครัด ในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการคลัง การจัดทำงบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาประโยชน์ที่รัฐหรือ ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและ ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ

..คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิด ความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว”

โดยมาตรา 9 ที่ระบุไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทำให้พรรคร่วมที่รวมกันเป็น ครม.นั้นต้องตระหนัก และคิดให้หนักว่าควรร่วมหัวจมท้ายกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในการผลักดันร่างกฎหมายการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ผ่าน ครม.หรือไม่ เพราะรู้ดีว่าปลายทางนั้นจะมีการร้องเรียนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องรออยู่ และข้อร้องเรียนนั้นอาจจะต้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญได้

แหล่งข่าวระบุด้วยว่าอีกทางออกของพรรคร่วมรัฐบาลทางหนึ่งคือเมื่อถึงเวลาการประชุม ครม.แล้วมีการบรรจุร่าง พ.ร.บ.การกู้เงินฉบับนี้เข้ามาในการประชุม ครม.อาจได้เห็นพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดพรรคหนึ่งลาการประชุมทั้งพรรค เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ต้องติดตามดูท่าทีอีกครั้ง พร้อมกับติดตามข้อกฎหมายที่คณะกรรมการกฤษฎีกาให้กับคำตอบกับรัฐบาลมาว่ามีการพูดถึงข้อกฎหมายอย่างไรบ้าง

"พรรคร่วมรัฐบาลน่าจะได้เห็นความชัดเจนของหนังสือตอบกลับจากคณะกรรมการกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังจะรายงานให้ ครม.รับทราบในวันนี้ (9 ม.ค. 67) จากนั้นจะมีท่าทีที่ชัดเจนจากพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆในเรื่องนี้อีกครั้ง"