อดีต รมว.คลัง มองปัญหาภูมิรัฐศาสตร์เป็น”โอกาส - ความเสี่ยง” ต่อเศรษฐกิจไทย
อดีต รมว.คลัง มองความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์เป็นทั้งโอกาส และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย แนะเร่งเพิ่มทักษะแรงงานรับมือการย้ายฐานการผลิตจากจีน และสหรัฐ หนุนไทยลงทุนแลนด์บริดจ์รับมือทิศทางการค้าระดับภูมิภาค และกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา GEOPOLITICS 2024 หัวข้อ ส่องเศรษฐกิจไทย เมื่อโลกวิกฤติ โดย กรุงเทพธุรกิจ ระบุ มองไปข้างหน้า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐกับจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะกรณีที่ขณะนี้ จีนมีระดับจีดีพีที่ใหญ่ขึ้นมาก เรียกว่า หายใจรดต้นคอสหรัฐ ทำให้ปัญหาการเลือกข้างของประเทศต่างๆ รวมถึง ไทยเอง มีความเข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ หากมองถึงการเลือกตั้งในสหรัฐที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ สองพรรคคู่แข่งในสหรัฐนั้น มีเรื่องเดียวที่ตกลงกันได้คือ เรื่องของจีน ฉะนั้น ไม่ว่า พรรคใดจะมา แต่การค้าจะเดินแยกทาง ลักษณะนี้ จะเกิดทั้งโอกาส และความเสี่ยงกับทุกประเทศทั่วโลก เพราะจะมีบริษัทที่ลงทุนในจีนกับสหรัฐจีนเกิดการย้ายฐาน แต่คำถามคือ ไทยเองพร้อมที่จะรองรับการย้ายฐานการลงทุนดังกล่าวหรือไม่
“ตรงนี้ น่าสนใจ เขาจะมองไทยหรือไม่ ปัญหาคือ ผู้ลงทุนเหล่านี้ จะไม่ลงทุนแค่สินค้าประเภทรองเท้า เสื้อผ้า แต่เป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีสูง ก็ต้องถามว่า ไทยพร้อมพัฒนาทักษะแรงงานขนาดไหน และสองแนวโน้มการค้าที่จะเกี่ยวกับไทยนั้น จะเกี่ยวกับ Regional Trade หรือ การค้าระดับภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้ การค้า Global south หรือกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ จะเติบโตเรื่อยๆ
“Regional Trade จะมีมากขึ้น ถ้ามองไป 50 ปีข้างหน้าๆ เพราะว่าความร่ำรวยในละแวกนี้จะมาก อย่าลืมจีน ประชากรอาจลดลง แต่อินเดีย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนในสองประเทศนี้ จะมั่งคั่ง ความต้องการกินการใช้สินค้าระดับบนของสองประเทศจะมากขึ้น แต่เขาข้ามหิมาลัยมาไม่ได้ ฉะนั้น วิธีการถ้าเราเอาแลนบริดจ์ ท่าเรือระนองรับการส่งขนส่งไปจีน ไปตะวันตก ผมว่า เข้าท่า”
เขากล่าวด้วยว่า แม้ว่า หลายคนจะมองสภาพเศรษฐกิจโลกขณะนี้ ที่อาจจะรู้สึกสบายใจ แต่ว่า เมื่อเจาะลงไปใต้น้ำจะพบว่า แต่ละประเทศมีปัญหาที่สะสมอยู่ กรณีจีนก็มีปัญหาเรื่องฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ กระทบการเงินในประเทศ ยุโรปก็มีปัญหาค่าใช้จ่ายในการขนส่งน้ำมัน ที่น่าสนใจคือ สหรัฐ หลายคนมองจีดีพีเข้มแข็ง แต่รัฐบาลมีการใช้เงินเยอะมาก แต่เมื่อมองลึกไป รู้สึกว่า มีสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมา สภาพคล่องมีการขับเคลื่อน โดยกระทรวงการคลังออกพันธบัตรกู้ระยะสั้นแทนระยะยาว ทำให้ตลาดหันไปลงทุนพันธบัตรระยะสั้นจากที่ลงทุนในเฟดลดลง และมีแนวโน้มต่ำสุดในเดือนมี.ค.จากนั้น จะเกิดปัญหาใหญ่ เพราะรัฐบาลสหรัฐจำเป็นต้องพันธบัตรยาว จะเกิดการกระเพื่อมใต้น้ำ โผล่ขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ตนยังกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งตะวันออกกลาง ซึ่งขณะนี้ สหรัฐกับอิหร่าน จะเข้าไปเป็นคู่ขัดแย้งมากขึ้น และจะเกิดปัญหาต่อราคาน้ำมัน รวมถึง กรณีที่ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ลดต่ำลง ซึ่งเป็นเพราะราคาพลังงานลดลง แต่หากราคาพลังงานปรับเพิ่ม ความฝันที่ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะกลับเข้าที่นั้น จะเป็นไปได้ยาก ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทในสหรัฐและยุโรปจำนวนไม่น้อยที่เวลานี้มีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระดอกเบี้ย เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น จะมีปัญหาเรื่องการชำระหนี้ ก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์