'GC' ลุยแผนธุรกิจปี 67 ทุ่มกว่า 9 พันล้าน รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

'GC' ลุยแผนธุรกิจปี 67 ทุ่มกว่า 9 พันล้าน รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

"GC" เปิดแผนธุรกิจปี 67 ลงทุนกว่า 9 พันล้าน ดำเนินกลยุทธ์เข้มข้นต่อเนื่อง สร้างรากฐานแข็งแกร่งรับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ต่อยอด Low Carbon สู่เป้า Net Zero พร้อมชวนทุกคนมาเป็น  “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” ด้านผลการดำเนินงาน ปี 66 พลิกทำกำไร

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (CEO) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงาน ปี 2567 ด้วยปัจจัยภายนอกทั้งจากเมกะเทรนด์ต่าง ๆ Industry Landscape รวมถึงภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการดำเนินธุรกิจ ยังคงทำให้การดำเนินงานยังคงมีความท้าทาย โดยตั้งเป้างบลงทุนปีนี้ระดับ 262 ดอลลาร์ (ราว 9,170 ล้านบาท)

ทั้งนี้ GC จึงกำหนดทิศทางและทบทวนกลยุทธ์ 3 Steps Plus แบ่งเป็น Step Change: สร้างรากฐานแข็งแกร่ง ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพ ควบคุมค่าใช้จ่าย และพัฒนาความร่วมมือในมิติต่าง ๆ รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจที่เน้นตลาด (Market-Focused Business) โดยการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Products: HVP) มีเป้าหมาย 56% ในปี 2571 และผลิตภัณฑ์นวัตกรรม

Step Out: แสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างการเติบโต และดูแลด้านต้นทุนของ allnex พร้อมขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพเเละผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน (Bio & Circularity) มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล รวมถึง Bio-Refinery โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้สามารถนำไปผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องต่างๆ ได้มากมาย ทั้งในอุตสาหกรรมสุขอนามัยส่วนบุคคล อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ และอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ฯลฯ

Step Up: สร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยดำเนินงานด้าน Decarbonization ให้เป็นไปตามเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 รวมถึงมุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ GC ยังวางแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ และ Non-Core Business นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวกับไฮโดรเจนและคาร์บอน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญที่ GC มีในธุรกิจไฮโดรคาร์บอน สร้างความแตกต่างและผลตอบแทนทางธุรกิจในอนาคต มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ได้วางไว้ โดยที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือศึกษาเทคโนโลยีการพัฒนาโรงงานปิโตรเคมีระหว่าง GC กับ บริษัท มิตซูบิชิ ฮีวี่ อินดัสทรี เอเชียแปซิฟิก จำกัด หรือ MHI-AP 

ทั้งนี้ มี 2 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความเป็นไปได้ในการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนีย เป็นเชื้อเพลิงสำหรับกังหันแก๊ส (Gas Turbine) และเทคโนโลยีการดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ในกระบวนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และศึกษาหาแนวทางการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพในระบบดักจับ จัดเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เหมาะสมสำหรับกระบวนการผลิตไฮโดรเจน หรือ Steam Methane Reforming (SMR)

อย่างไรก็ตาม จากการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลที่ยืนหนึ่งด้านความยั่งยืนของ GC ในปีนี้ GC จึงต่อยอดแนวคิด “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” พร้อมชวนทุกคนมาเป็น “GEN S..Generation Sustainability คนเจนใหม่หัวใจยั่งยืน” สร้างแรงกระเพื่อมการใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles  ร่วมกู้โลก

"จากภาวะโลกเดือด ด้วยหลากหลายไอเดียการใช้ชีวิตเพื่อโลกยั่งยืน เช่น รับประทานอาหารให้หมดลด Food Waste ปิดน้ำและถอดปลั๊กไฟเมื่อไม่ใช้ การใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ใช้ซ้ำ ใช้อย่างคุ้มค่า หรือ  ช่วยคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพราะความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของวัยหรือเรื่องของใคร มาร่วมสร้างสรรค์โลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิมไปด้วยกันได้

สำหรับผลการดำเนินงาน ปี 2566 ธุรกิจปิโตรเคมีโดยรวมยังคงอยู่ในภาวะอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ได้รับความกดดันจากปัจจัยทั้งด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ปลายทางของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และการเริ่มดำเนินการของกำลังการผลิตใหม่ในตลาด โดยเฉพาะจากประเทศจีน มีผลให้การดำเนินงานมีรายได้จากการขายรวม 616,635 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 9% จากราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

"ปีที่ผ่านมามีหลายปัจจัยเป็นผลไม่บวกมากนักต่อเศรษฐกิจโลกทั้งเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ขยับตัวได้ตามเป้า ปัญหาจีโอโพลิติกยังเหมือนเดิม ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็มีผล ส่งผลให้ธุรกิจปิโตรเคมียังโอเวอร์ซัพพลาย ทำให้มาจิ้นปิโตรเคมีต่ำสุดในรอบ 30 ปี จากหลายปัจจัยของกลุ่มที่ผลิตน้ำมันต่างมองว่าน้ำมันสำเร็จรูปจะลดลงจากการใช้พลังงานรูปแบบใหม่ และหันไปทำธุรกิจปิโตรเคมีมากขึ้น และจีนเดิมเคยเป็นตลาด แต่กลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เพราะสามารถสร้างโรงงานได้เองและต้นทุนถูกกว่า"

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังคงมีผลกำไรสุทธิรวม 999 ล้านบาท (0.22 บาท/หุ้น) ด้วยการมุ่งเน้นทำสิ่งที่ควบคุมได้ ดำเนินการมาตรการภายในอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ผ่านการดำเนินงาน ดังนี้ 

1. การพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินงานโครงการ MAX, dEX, MTPi, FiT และการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มเติมจากที่ควบคุมในแผนงบประมาณ (OPEX Saving) ซึ่งช่วยเพิ่มผลกำไร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 6,900 ล้านบาท

2. จับมือ กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ยกระดับบริษัท จีซี โลจิสติกส์ โซลูชั่นส์ จำกัด (GCL) บริษัทใน GC Group เป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจร เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ โดยการขายหุ้น GCL สัดส่วนร้อยละ 50 ให้กับ WHA คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,640 ล้านบาท โดยมีกำไรพิเศษที่เกี่ยวข้องจากรายการนี้ (รวมกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนที่เหลือใน GCL) เป็นจำนวน 4,017 ล้านบาท

3. ลดภาระหนี้สินทางการเงิน ด้วยการซื้อหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐฯ โดยมีกำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ดังกล่าวจำนวน 1,422 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปี 2566 GC ยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง โดยใช้กลยุทธ์ 3 Steps Plus: Step Change, Step Out และ Step Up อย่างต่อเนื่อง