สหฟาร์ม ทวงบัลลังก์ที่หนึ่งส่งออกไก่ วาง5ปีธุรกิจค้านอกบ้าน100%โตปีละ10%
สหฟาร์ม เริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในปี 2565 แม้เผชิญปัญหาต้นทุนผลิตจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ดีดตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง แต่จากประสบการณ์ยาวนานกว่า 55 ปีและภายใต้ผู้บริหารรุ่นใหม่ ทำให้สหฟาร์มเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งในปี 2566 ส่งออกไก่ได้สูงสุดถึง1.7 แสนตัน
บุญญาลักษณ์ โชติเทวัญ กรรมการ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด กล่าวว่า หลังจากสหฟาร์มมีปัญหาการดำเนินธุรกิจ ทางบริษัทได้ปรับโครงสร้างและเริ่มฟื้นฟูกิจการใหม่ทั้งหมด โดยตั้งเป้าหมายธุรกิจ ผลผลิตที่ได้จะส่งออก 100 % ตามแผน 5 ปี (2565-2570 )โดยปี 2565 ว่าจะต้องกลับเข้ามายืนในวงการได้อีกครั้ง ใน ปี2566 -2570 ต้องเดินหน้ากำหนดอัตราการเติบโตไว้ที่ 10 % ต่อปีเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลกมีปัญหามาก โดยเฉพาะสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เส้นทางการเดินเรือมีปัญหา วัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น น้ำมันแพง ภาพรวมแล้วต้นทุนการผลิตไก่ของสหฟาร์มเพิ่มสูงขึ้น 20 % ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 ในขณะที่ราคาขายไก่ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ ทางเดียวที่สหฟาร์มจะเริ่มต้นธุรกิจได้อีกครั้งคือต้องลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกันต้องยึดมั่นด้านคุณภาพมาตรฐานเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ พร้อมกับขยายฐานการส่งออกในตลาดใหม่
“เป็นความโชคดีที่ลูกค้าเดิมของสหฟาร์มยังเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน ซึ่งต้องขอบคุณเพราะแม้อยู่ในช่วงที่บริษัทต้องปรับตัวอย่างหนัก แต่ลูกค้าทุกรายไม่ได้หนีหายไปไหนเลย ทำให้ ปี 65 การบริหารงานของสหฟาร์มเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดและในปี 2566 สามารถส่งออกได้มากถึง 1.7 แสนตัน เป็นสัดส่วนสูงสุดของการส่งออกไก่ไทย”
ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10 % โดยมีจะผลิตสินค้าคุณภาพที่เจาะกลุ่มตลาดสินค้าสุขภาพ เช่นไก่ยูริกต่ำ 20 % จากไก่ทั่วไป ภายใต้แบรนด์ PAULDY ปัจจุบันเริ่มวางจำหน่ายในประเทศแล้วทางตลาดออนไลน์ รูปแบบไก่สดแช่แข็ง
นอกจากนี้ สหฟาร์มจะสร้างแบรนด์ใหม่ให้เป็นที่รู้จักทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่น่าสนใจ คือกลุ่มตะวันออกกลาง ที่ปัจจุบันสอบถามเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากไก่สหฟาร์มเป็นอาหารฮาลาล 100 % โดยสหกรณ์จะศึกษาตลาดนี้เพื่อปรับปรุงรสชาติ บรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของคู่ค้า การดำเนินธุรกิจของสหฟาร์มจะมุ่งเน้นคุณภาพมาตรฐานและความเชื่อมั่นเป็นหลัก เพื่อสร้างฐานลูกค้าให้แข็งแรง
เพราะเป้าหมายของสหฟาร์มคือการส่งออก 100 % จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 1 ล้านตัวต่อวัน ส่วนตลาดในประเทศจะเป็นสินค้าพิเศษ หรือส่วนเกินของกำลังการผลิตเท่านั้น โดยสหฟาร์มจะประคองกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกไปก่อนตามแผน 5 ปี ทำให้การลงทุนระหว่างนี้จะเป็นการปรับปรุงโรงงาน โรงเรือน ฟาร์ม เป็นส่วนใหญ่ เมื่อผ่านพ้นปี 2570ไปแล้วจะพิจารณาวงเงินการลงทุนขนาดใหญ่อีกครั้ง
" สิ่งที่สหฟาร์มต้องทำในขณะนี้คือ การลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด โดยยังต้องคงคุณภาพมาตรฐานไว้ ดังนั้นจึงมองไปยังการลดการสูญเสีย เป็นสำคัญ รวมทั้งใช้วัสดุเหลือใช้จากการเลี้ยงไก่ให้เป็นประโยชน์ เช่นการมูลไก่ที่สามารถหมักใช้เป็นแก๊สชีวภาพ การใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น”
บุญญาลักษณ์ กล่าวว่า บริษัทยึดหลัก โปร่งแสง น้ำใส สะอาดบริสุทธิ์ ยุติธรรมและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษา สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น มุ่งเน้นให้เป็นองค์กรสีเขียวที่มีการให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด ที่จะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ลงนามซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาว เวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “WHAUP” รวม 14 โครงการ คาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 % ประหยัดเงินได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้สหฟาร์มยังมีอีก15 โครงการในลักษณะดังกล่าวที่จะช่วยดึงภาพลักษณ์ให้องค์กรในด้านคาร์บอนเครดิตได้มากขึ้น จากการใช้พลังงานสะอาด 100 % เป็นไปตามหลักการดำเนินธุรกิจที่ โปร่งแสง น้ำใส สะอาดบริสุทธิ์ ยุติธรรมและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษา สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น มุ่งเน้นให้เป็นองค์กรสีเขียว
“อาหาร”หนึ่งในปัจจัยสี่แห่งการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด สัญชาติใด หรือแม้แต่ร่ำรวยหรือยากจน ความจำเป็นที่ต้อง“กิน”เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารจึงมีโอกาสเสมอแม้ว่า ครั้งหนึ่งจะเคยล้มแต่ก็สามารถลุกขึ้นมาได้ อย่างกรณีสหฟาร์ม ที่ยึดจุดเด่นของธุรกิจผลิตและส่งออกไก่ที่มีคุณภาพและสามารถจับจุดเด่นเพื่อเข้าถึงจุดสำคัญของตลาดมั่งคั่งอย่างตะวันออกกลางได้
ดังนั้น เมื่อมีตลาดหลักในมือการจะขยายไปตลาดอื่นๆ และค่อยๆวางธุรกิจให้เป็นผู้ส่งออก 100% นั้น น่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้สหฟาร์มกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งผลิตและส่งออกไก่ที่สำคัญของไทย