สหฟาร์ม - โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซื้อขายไฟฟ้าสะอาด WHAUP 46.36 เมกะวัตต์

สหฟาร์ม - โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซื้อขายไฟฟ้าสะอาด WHAUP 46.36 เมกะวัตต์

สหฟาร์ม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า WHAUP รูปแบบ Solar floating Solar farm และ Solar rooftop รวม 14 โครงการ กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 46.36 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ ลพบุรี เพชรบูรณ์ คาดเริ่มจ่ายไฟฟ้า เข้าระบบได้ภายในไตรมาส 1-2 ปี 2568

มนูญศรี โชติเทวัญ ประธานคณะบริหาร บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัทในเครือ เปิดเผยภายหลังการลงนามซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่าง บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด  กับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาว เวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ "WHAUP"   ว่าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตไก่ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ราคาผลิตไก่ไม่สามารถที่จะปรับเพิ่มได้

สหฟาร์ม - โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซื้อขายไฟฟ้าสะอาด WHAUP 46.36 เมกะวัตต์

 ดังนั้น สหฟาร์มจึงต้องหาแนวทางลดต้นทุนการผลิต ลดการสูญเสีย ซึ่งการหันมาใช้พลังงานสะอาดจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลง โดยสหฟาร์ม ยังมีโครงการลักษณะเดียวกันที่จะดำเนินการอีก 15 โครงการ ที่จะทยอยดำเนินการต่อไป เพื่อให้สหฟาร์มเป็นบริษัทที่ใช้พลังงานสะอาด 100 % จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของสหภาพและบริษัทในเครือเป็นที่ยอมรับของตลาดมากขึ้น คาดว่าการซื้อไฟจาก WHAUP ครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลกลงประมาณ20 %ต่อหน่วย

นางสาวบุญญาลักษณ์ โชติเทวัญ กรรมการ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และบริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิต ผู้ส่งออกและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่ครบวงจร ซึ่งดำเนินธุรกิจมาอย่าง ยาวนาน 54 ปี บริษัทยึดหลัก โปร่งแสง น้ำใส สะอาดบริสุทธิ์ ยุติธรรมและเล็งเห็นถึงความสำคัญในการรักษา สภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น มุ่งเน้นให้เป็นองค์กรสีเขียวที่มีการให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด ที่จะช่วย  เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด

สหฟาร์ม - โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซื้อขายไฟฟ้าสะอาด WHAUP 46.36 เมกะวัตต์

อุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่ม สหฟาร์ม เป็นอุตสาหกรรมการผลิตไก่ครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้น กระบวนการฟักไข่ การให้แสงสว่าง การทำให้ไก่อบอุ่น ขบวนการผลิตอาหารสัตว์ และเครื่องจักรสำหรับการ ผลิตต่างๆ ภายในโรงงาน ล้วนแล้วแต่ใช้พลังงานสูงมาก และปัจจุบันราคาค่าพลังงานมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นต่อเนื่อง และการผลิตพลังงานบางส่วนก็ยังคงมีผลต่อสภาพแวดล้อม

กลุ่มสหฟาร์มตระหนักได้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงริเริ่มปลุกจิตสำนึกในกับคนในองค์กรโดยเริ่มต้นด้วยการเน้นไปที่การประหยัดพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานให้มีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมให้น้อยที่สุด

 

 

กลุ่มบริษัทในเครือสหฟาร์ม จึงได้ร่วมกับ WHAUP วางแผนในการลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาดผลิตได้ตลอดทั้งปี ติดตั้ง
ครอบคลุมพื้นที่ของสหฟาร์มถึง 300 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โครงการย่อย 14 โครงการ มีกำลังผลิตไก่ได้กว่า 700,000 ตัวต่อวัน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 %โดยคิดจากการทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน หากคิดเป็นจำนวนเงิน จะสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท ภายใน 14 ปี รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 870,000 ตัน ใน 25 ปี

" กลุ่ม สหฟาร์ม เชื่อว่าการร่วมมือกับ WHAUP ครั้งนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ ดีในการนำเอา เทคโนโลยีด้านพลังานสะอาด เข้ามาช่วยสนับสนุนงานเกษตรอุตสาหกรรม ให้ลดการใช้พลังงานแบบดั้งเดิม ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและดีต่อโลกของเรามากยิ่งขึ้นในอนาคต"  

นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาว เวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ "WHAUP"    กล่าวว่า ในการลงนามเซ็นสัญญา ซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์กับ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด  ถือเป็นโครงการแรกของการดำเนินการด้านพลังงาน หมุนเวียนภายนอกนิคมอุตสาหกรรมในภาคธุรกิจเกษตรกรรม หรือ Agriculture โดยไฟฟ้าที่ได้จะใช้ในกลุ่ม อุตสาหกรรมของสหฟาร์มทั้งโรงเชือด โรงแปรรูป โรงเลี้ยงไก่ โรงฟักไข่ และโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ตั้งอยู่ใน พื้นที่ของจังหวัดลพบุรี และเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการดังกล่าว มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท

สหฟาร์ม - โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ซื้อขายไฟฟ้าสะอาด WHAUP 46.36 เมกะวัตต์

 ขานรับ นโยบายของภาครัฐ ที่มีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์ใน ระยะยาว และตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติของ WHA ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ได้ภายในไตรมาส 1-2 ของปี 2568

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากการเซ็นสัญญากับ สหฟาร์ม และ โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส ในครั้งนี้ ส่งผลให้ WHAUP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 915 เมกะวัตต์ เข้าใกล้เป้าหมายการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ 1,000 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าทุกประเภท โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Pivate PPA และสัญญากับ ภาครัฐ รวมเป็นจำนวน 367 เมกะวัตต์

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า  กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ มุ่งมั่นที่จะเป็น ส่วนหนึ่งในการจัดการด้านก๊าซเรือนกระจกและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ สำคัญต่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การที่ บริษัท ดับบลิวเอซเอ ทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) ได้ร่วมมือกับ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และ บริษัท โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส จำกัด ในครั้งนี้ จึงเป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ที่จะสร้างความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ซึ่งเป็นการ ช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเดินไปสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก็าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) การใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานแสงอาทิตย์ ในโครงการดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก กว่า 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับเป้า ดับบลิวเอชเอ ที่จะช่วยส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจ อย่างยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการใช้ เทคโนโลยีของ WHAUP ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ดังนั้นด้วย ทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนานจะช่วยเพิ่มศักยภาพ และยกระดับภาคอุตสาหกรรมเกษตรไทยสู่ระดับสากล มากขึ้น

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือของทั้ง 3 บริษัท ในด้านพลังงาน  ทางเลือกและพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และ สถานการณ์โลกที่มีความเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต รวมทั้งทำให้ สหฟาร์ม และ โกลเด้น ไลน์ บิสซิเนส สามารถลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 1,600 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 14 ปี

ผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาดผลิตได้ตลอดทั้งปี ติดตั้ง ครอบคลุมพื้นที่ของสหฟาร์มถึง 300 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการย่อย 14 โครงการ มีกำลังผลิตไก่ได้กว่า 700,000 ตัวต่อวัน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 %โดยคิดจากการทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน

หากคิดเป็นจำนวนเงิน จะสามารถประหยัดเงินได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท ภายใน 14 ปี