‘จุลพันธ์’ ไขข้อข้องใจ 13 ข้อ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’

โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลที่ประชาชนตั้งตารอและตั้งคำถามบ่อยครั้งว่าเงินดิจิทัลจะได้เมื่อไหร่ หลังจากที่ไทม์ไลน์โครงการถูกเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งมีแรงต้านจากนักวิชาการ ข้อเสนอแนะขององค์กรอิสระ และข้อถกเถียงว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือไม่

ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ได้ออกมาแถลงความคืบหน้าของโครงการและตอบคำถามใน 13 ประเด็น ดังต่อไปนี้ 

1. แหล่งงบประมาณโครงการ จะเป็นการใช้เงินกู้ของปี 2567 หรือไม่

ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป รอเข้าที่ประชุมเพื่อให้มีมติคณะกรรมการครับ ไม่เกินวันที่ 10 เม.ย. ก็จะมีความชัดเจนทุกอย่าง ขณะนี้ยืนยันได้ว่าเดินหน้าโครงการแน่นอน และจะถึงมือประชาชนภายในปีนี้

2. จะได้ใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตภายในเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้ จริงไหม

เราจะทําให้เร็วที่สุดครับ แต่ขอวางกรอบกว้างไว้ก่อน เพราะยังมีเรื่องการทดสอบระบบที่ค่อนข้างช้า ซึ่งกรอบเวลาที่กําหนดได้เผื่อเวลาไว้แล้วครับ

3.เงื่อนไขต่างๆ จะเปลี่ยนไปหรือไม่

เราแทบไม่ได้เปลี่ยนเงื่อนไขเลย มีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กน้อยเท่านั้นที่มีการหารือกัน

4.จากการหารือกับหอการค้า สภาอุตสาหกรรมฯ สรุปเรื่องวิกฤติว่าอย่างไร

ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ เสียงค่อนข้างตรงกันว่าควรจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดการเติบโตอย่างเหมาะสม

5. รายงานของป.ป.ช. มีข้อสังเกตอะไรบ้าง

ไม่ต่างจากฉบับเดิมครับ เพียงแต่ครั้งที่แล้วเป็นการนำการแถลงข่าวของป.ป.ช. มาสรุปให้ฟัง ครั้งนี้หนังสือมาถึงอย่างเป็นทางการแล้ว เราจะต้องนำเข้าที่ประชุมอย่างเป็นทางการตามขั้นตอนกฎหมาย

6.ทำไมจึงมั่นใจว่าจะเริ่มทันไตรมาส 4 ของปีนี้

เพราะอยู่ในกรอบที่สามารถดําเนินการได้ ได้รับการสนับสนุนในรายละเอียดจากส่วนงานต่างๆ อย่างครบถ้วน ทุกคนให้การสนับสนุน และมีข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ จนกระทั่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นที่เชื่อว่าสามารถเดินหน้าได้

7. กังวลความเสี่ยงที่มีการกล่าวถึงหรือไม่ เช่น  เรื่องการออกกฎหมายกู้เงิน

ไม่มีครับ กลไกที่เราใช้จะต้องถูกปิดจุดอ่อนต่างๆ ตามประเด็นที่ผู้คนสงสัยนะครับ ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่ เราจะทําให้กลไกสามารถเดินหน้าได้

8.มีข้อกังวลจาก ป.ป.ช.เพิ่มเติมหรือไม่

มีครับ และได้ดําเนินการแล้ว เช่น เรื่องตั้งคณะกรรมการสืบหาความจริง สอบถามความคิดเห็นต่างๆ ก็เป็นกลไกหนึ่งที่ตอบสนองต่อความเป็นห่วงว่าเราฟังรอบด้านแล้วหรือยัง เราสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องของปัญหาชีวิตพี่น้องประชาชน

เรื่องการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เราคงไม่ได้พิจารณาในส่วนนั้น เพราะนโยบายของเราคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่การเยียวยา

ส่วนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ครั้งที่แล้วเราตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด แล้ววันที่ 27 มี.ค.ก็จะมีการนําเสนออีกครั้งหนึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดําเนินการเรื่องคณะอนุกรรมการติดตามการใช้เงินที่ผิดประเภท เป็นการจัดตั้งก่อนโครงการเริ่ม เพื่อให้มีเวลาศึกษาหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการใช้จ่ายผิดจากวัตถุประสงค์ สิ่งเหล่านี้เป็นการสนองตอบต่อคําถามในส่วนของป.ป.ช. และส่วนงานอื่นๆ ที่มีข้อห่วงใย

9. ชี้แจงประเด็นที่ป.ป.ช. บอกว่าไม่ตรงกับที่หาเสียงอย่างไร

เราเคยชี้แจงแล้วว่า ขณะนี้คือนโยบายของรัฐบาล ไม่ใช่นโยบายพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งได้แถลงต่อสภาแล้ว รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม จึงต้องมีการหารือเพื่อหาจุดสมดุลของนโยบายต่างๆ เมื่อเดินหน้าเราก็ต้องหากลไกที่เหมาะสม และตอบสนองต่อหลักการและวัตถุประสงค์ของนโยบายให้ได้มากที่สุด

เมื่อมีข้อท้วงติงในบางจุด เช่น เรื่องของการลดจาก 54 ล้านคน เราก็ปรับลดลงเล็กน้อย เพื่อตอบสนองต่อข้อห่วงใย เพราะฉะนั้นจะให้เหมือน 100% คงเป็นไปได้ยาก และได้ตอบทางวุฒิสภาไปแล้วครับว่านี่ไม่ใช่การจูงใจในการเลือกตั้ง เพราะผ่านพ้นการเลือกตั้งมานานแล้ว นี่คือการทํานโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจให้แก่พี่น้องประชาชน

ในเรื่องของการจูงใจให้เลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองย่อมมีนโยบายลักษณะนี้ ถ้าบอกว่านโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิตัลวอลเล็ตเป็นการจูงใจเหมือนซื้อเสียง ก็ต้องถามกลับว่า นโยบายบัตรคนจน นโยบายการเพิ่มเงินสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นการจูงใจหรือไม่ ซึ่งก็เป็นกลไกลักษณะเดียวกัน

นี่คือนโยบายรัฐที่ได้รับการประทับตรารับรองโดยประชาชนในระดับหนึ่ง เข้าสู่รัฐสภาผ่านการแถลงนโยบาย ฉะนั้นทางรัฐบาลมีหน้าที่ต้องเดินหน้านโยบายให้สําเร็จ

10. ตามที่ สว. อภิปรายบอกว่าเงื่อนไขตอนแรกกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน

ไม่มีนโยบายไหนที่มีรายละเอียดแน่นอนครับ เวลาดําเนินการจริงหากมีจุดที่จําเป็นต้องปรับแก้เพื่อให้นโยบายเป็นไปตามกรอบของกฎหมายและสามารถเดินหน้าได้ ก็มีความจําเป็นต้องทํา

11.หากนโยบายเกิดขึ้นจริง จะใช้งานผ่านแอปฯ เป๋าตังเหมือนเดิมหรือไม่

ใช่ครับ

12. จะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากนี้หรือไม่

นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับทางคณะรัฐมนตรีที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยตลอดอยู่แล้ว ทุกคนรับทราบความเคลื่อนไหว ความคืบหน้าของโครงการและร่วมกันสนับสนุนครับ

13.หลังจากวันที่ 10 เม.ย. จะเป็นอย่างไรต่อไป

ทุกคนจะได้รับทราบกรอบเวลาที่ชัดเจนมากขึ้น รายละเอียดของโครงการทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะเป็นภาระหน้าที่ของส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ กระทรวงการคลังในการดําเนินการตามขั้นตอนกฎหมายให้ครบถ้วน แล้วส่งเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาตัวแอปพลิเคชัน ตัวระบบก็จะได้เสร็จเรียบร้อยตามกรอบเวลาครับ