เปิดรายงาน ‘เคียร์เน่’ คาด GDP ไทยโต 4.9% หากเร่งผลักดันเรื่อง ‘AI-ESG‘
เคียร์เน่ บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลก เผยรายงานเศรษฐกิจไทย คาดปี 2024-2028 ขยายตัวเฉลี่ย 3.6% อยู่ในกรอบ 1.8-4.9% ขึ้นอยู่กับฉากทัศน์การพัฒนาประเทศ ระบุไทยมีศักยภาพสูงจากการเป็นฐานผลิตสำคัญของโลก โดยเฉพาะอุตฯ เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์การแพทย์ และอีวี
นายชาญชัย ถนัดค้าตระกูล กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคียร์เน่ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลก เปิดเผยรายงาน Global Economic Outlook 2024-2028 จัดทำโดยเคียร์เน่ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ได้ถึง 1.8-4.9% ต่อปี โดยมีค่าเฉลี่ยเติบโตที่ 3.6%
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแนวทางและฉากทัศน์การพัฒนาประเทศ โดยในรายงานดังกล่าวได้นำเสนอ 4 ฉากทัศน์การพัฒนาที่เป็นไปได้ของเศรษฐกิจไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้ ดังนี้
แบบที่ 1 Age of Regeneration ประเทศขับเคลื่อนด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและมีความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพเพื่อความแข็งแกร่งทางการค้าและการผลิต จะทำให้เศรษฐกิจประเทศสามารถเติบโตได้ถึง 4.9%
แบบที่ 2 Innovation War มีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีอย่างเข้มข้นเพื่อขึ้นเป็นผู้นำทั้งด้าน AI และ Quantum Computing โดยต่างคนต่างแข่งขัน กระตุ้นให้เกิดความกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำของประเทศที่เป็นผู้นำ และประเทศเกิดใหม่ที่จะเสียเปรียบเรื่ององค์ความรู้ และทรัพยากรที่จำกัด จึงทำให้คาดว่า GDP ไทยจะโตได้ 4.0%
แบบที่ 3 Stop-Gap Solutions การดำเนินนโยบายแบบมุ่งแก้ไขปัญหาระยะสั้นแทนที่จะแก้ไขทั้งระบบ ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่ำกว่าแนวโน้มที่ควรจะเป็น คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจโตที่ 3.4%
แบบที่ 4 Great Fragmentation มีปัจจัยกดดันของภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และการตามไม่ทันการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เศษฐกิจโลกเติบโตได้ที่ 1.8%
นายชาญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจะขับเคลื่อนประเทศให้ไปถึง “Age of Regenerative” จะต้องมีการพัฒนาที่สำคัญแบบองค์รวม ประกอบด้วย ทรัพยากรมนุษย์ การเติบโตเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (ESG) และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
นายนิธิน ชานดรา กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวต่อว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังอยู่ในความสนใจของคนทั่วโลกในฐานะศูนย์กลางการผลิตที่จะเติบโตเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากจีนและสหรัฐ ภายในปี 2027
ขณะที่ประเทศไทยยังเป็นตลาดเกิดใหม่ที่น่าสนใจสะท้อนจากรายงาน Kearney FDI Confidence Index 2023 ที่ระบุว่าไทยมีความเชื่อมั่นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ติดอันดับที่ 5 สำหรับตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมามีมูลค่าการลงทุน FDI ไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่องจากอานิสงค์ของการย้ายฐานผลิตออกจากจีน โดยเฉพาะ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ และยานยนต์ไฟฟ้าและอีโคซิสเต็มของแบตเตอรี่
อย่างไรก็ดี เคียร์น่ามีข้อเสนอ 3 เรื่องที่จะสร้างโอกาสการเติบโตให้ไทย ได้แก่ 1.ความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลในแง่ของสิทธิประโยชน์การลงทุน จะต้องมีความชัดเจนและมั่นคง ไม่อ่อนไหวตามการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง
2.การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาครัฐและภาคธุรกิจ รวมทั้งเน้นการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาและต่อยอด
3.การพัฒนาทักษะแรงงานให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง การใช้งานเอไอซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน