'นักธุรกิจไทย' รับมือสงคราม ‘เมียนมา’ สำรองเส้นทางขนส่งสินค้า
“ส.อ.ท.” เร่งสรุปผลกระทบและเตรียมพร้อมสำรองเส้นทางอื่น คาด 1-2 วันสรุปข้อมูล “ธนิต”ระบุวิกฤติค้าชายแดนไทย-เมียนมา ถือเป็นโอกาสคนไทย
จากสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.แม่สอด หลังจากฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมา ซึ่งประกอบด้วยทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กองกำลังปกป้องประชาชน (พีดีเอฟ) และทหารกะเหรี่ยงกลุ่มสันติภาพ เคเอ็นยู พีซี ได้ยึดค่ายทหารเมียนมาทั้งหมด พร้อมเข้าไปควบคุมในเมืองเมียวดีแล้วนั้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบด่านค้าชายแดนไทย-เมียนมา กำลังมีการอพยพเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรพร้อมครอบครัวตามที่เป็นข่าวราว 700 คน
ทั้งนี้ยอมรับว่าด่านนี้สำคัญ ส.อ.ท.อยู่ระหว่างตรวจสอบผลกระทบในช่วงสั้นว่า ยอดการค้าขายระหว่างด่านนี้มีเงินสะพัดวันละเท่าไหร่ และจะหาด่านหรือเส้นทางอื่นที่จะขนส่งสินค้าที่ใกล้ที่สุดจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่
“ตอนนี้ยังไม่มีกระทบมาก ในเบื้องต้นมีการอพยพเจ้าหน้าที่ของเมียนมา ส.อ.ท.อยู่ระหว่างให้ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ตรวจสอบ ยอมรับว่าช่วงนี้เป็นวันหยุด คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะทราบผลกระทบซึ่งอาจกระทบในช่วงสั้น แต่จะตอบตอนนี้ไม่ได้” นายเกรียงไกร กล่าว
นายธนิต โสรัตน์ อดีตเลขาธิการสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา พบว่า การค้าขายชายแดนดังกล่าวทำให้การขนส่งสินค้าต้องยุติลง โดยข้อมูลที่สอบถามข้อมูลกับสาขาธุรกิจอำเภอแม่สอด พบว่าการขนส่งบางส่วนดำเนินการไม่ได้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถออกมาได้ ส่วนเครื่องบินที่ออกมาเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2567 อาจเป็นการขนทรัพย์สิน ซึ่งบางส่วนเป็นธนาคารของรัฐที่มีจำนวนหนึ่งเพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจลำดับต้นของเมียนมา
รวมทั้งในช่วงที่เมียนมามีปัญหาการค้าขายจะเชื่อมการขนส่งผ่านไทยอย่างเดียว โดยสินค้าเครื่องจักรจะขนส่งมาจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นโอกาสของคนไทยและไม่น่าห่วงเพราะยังไงก็ต้องกินต้องใช้ คนอื่นอาจมองเป็นวิกฤติเพราะการขนส่งสินค้าในรูปแบบปกติทำไม่ได้ ซึ่งสินค้าจีนที่เป็นคู่แข่งไทยก็จะลงมายากเพราะเส้นทางยาวกว่า
นายธนิต กล่าวว่า การขนส่งผ่านเส้นทางแม่สอด ถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าได้ทั้งทางเหนือ กลาง ใต้ ซึ่งถือเป็นโอกาสไทยที่ไม่น่ากังวล โดยจะเห็นได้ว่ากระเหรี่ยงปิดชายแดนบางส่วนมานานแล้ว แต่ยังมีการค้าขายเส้นทางเพราะมีการแบ่งกันทำมาหากิน
“นักธุรกิจไทยมีสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งกระเหรี่ยงและเมียนมา ปัญหานี้ถือเป็นผลกระทบระยะสั้นในช่วงนี้ที่ไม่มีใครกล้าผ่านแต่เชื่อว่าภายใน 7 วันนี้ ก็จะผ่อนคลายเพราะทั้งเมียนมา กระเหรียงในที่สุดก็ต้องตกลงกันได้เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงเห็นว่ามีการรบกันแต่การค้าก็ยังอยู่ได้เพียงแต่อาจขายได้แพงขึ้นเพราะคู่แข่งไม่มี” นายธนิต กล่าว