ส.อ.ท.ผวาน้ำมันพุ่ง 100 ดอลลาร์ หวั่นกดดันปรับราคาสินค้าสูงขึ้น

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ราคานำ้มันมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความเป็นห่วงราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-ฮามาส และลามไปยังอิหร่าน ขยายวงกว้างในภูมิภาคนี้ขณะนี้ความรุนแรงเริ่มเพิ่มมากขึ้น จะส่งผลต่อราคานำ้มันในตลาดโลก 

ทั้งนี้ อาจจะเห็นราคานำ้มันแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง และกระทบต่อการขนส่งทางทะเล ทำให้ต้นทุนธุรกิจพุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทีโลกที่กำลังฟื้นตัวและเศรษฐกิจไทย 

ในขณะที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักของประเทศ คือ การส่งออก โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดว่า การส่งออกจะขยายตัว 2% เฉลี่ยเดือนละ 24,400 ล้านดอลลาร์ แต่ 2 เดือนที่ผ่านมายังทำไม่ได้เพียงแค่เฉลี่ย 23,000 ล้านดอลาร์ ซึ่งสงครามขยายตัวรุนแรง ในขณะที่นำ้มันตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยแน่นอน ดังนั้นต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

“ปัจจุบันราคาดีเซลปรับขึ้นจาก 30 บาทต่อลิตร ก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีก หากสงครามยืดเยื้อ เกิดการชะงักงันด้านการขนส่งโลกทางทะเล ก็มีโอกาสที่นำ้มันในตลาดโลกจะแตะ 100 ดอลลาร์มีความเป็นไปได้" 

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการปรับราคาสินค้าขึ้นเพราะต้นทุนสูงขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังชะลอการปรับขึ้นราคาสินค้าได้เพราะยังมีสต๊อกเก่าประมาณ 3-4 เดือน แต่หากราคาน้ำมันแบบรวดเร็วเฉียบพลันในช่วงต่อจากนี้จนทำให้สงครามขยายตัวรุนแรง ราคาสินค้าก็จำเป็นต้องปรับขึ้นเช่นกันภายใน 1-2 เดือนนี้

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกพบว่า ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง จากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและลุกลามขยาย วงกว้างมากขึ้น ซึ่งล่าสุด อิหร่านประกาศจะตอบโต้อิสราเอลที่ปฏิบัติการโจมตีสถานทูตอิหร่านประจำซีเรีย

ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงตึงเครียด หลังยูเครนยังคงเดินหน้าโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและโครงสร้างพื้นฐานในรัสเซียอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดรัสเซียมีแผนลดการส่งออกน้ำมันดีเซลผ่านท่าส่งออกบริเวณทะเลดำและทะเลบอลติกในเดือนเมษายนนี้ลง 21% มาอยู่ที่ 2.29 ล้านตัน (ประมาณ 570,000 บาร์เรล/วัน) เนื่องจากโรงกลั่นหลายแห่งปิดซ่อมแซมหลังถูกโดรนของยูเครนโจมตี

ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (ระหว่างวันที่ 25 – 31 มีนาคม 2567) ราคาน้ำมันดิบดูไบ ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 85.76ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 82.25ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายปรับลดกำลังการผลิตจนกว่าจะมีการประชุมเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน 2567 นี้

สำหรับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 104.84ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 103.05ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.59ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า เนื่องจากค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.32 บาทต่อดอลลาร์มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 36.5645 บาทต่อดอลลาร์ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.33 บาทต่อลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง 0.38 บาทต่อลิตร ทำให้ค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ 2.40 บาทต่อลิตร

นอกจากนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 7 เมษายน 2567 กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม 28,643 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 130,249 ล้านบาท ฐานะกองทุนฯ สุทธิติดลบ 101,606 ล้านบาท แบ่งเป็น

บัญชีน้ำมันติดลบ 54,468 ล้านบาท 

บัญชี LPG ติดลบ 47,138 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม สนพ.จะติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ราคาสะท้อนกับสถานการณ์ปัจจุบันและเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน