'หอการค้า-ส.อ.ท.' เรียกร้องซอฟต์โลน ช่วย SME ลดต้นทุนการเงินหลังคงดอกเบี้ย
"เอกชน" ระบุการไม่ลดดอกเบี้ยนโยบายเหตุ "กนง." มองเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว คาด กนง.รอทิศทางเฟดก่อนตัดสินใจ เรียกร้องรัฐบาลจัดซอฟต์โลนช่วยเอสเอ็มอี ลดต้นทุนทางการเงิน
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส่วนตัวยังคงมีความเห็นต่อกนง.เหมือนเดิมคือ ยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้ โดย กนง.จะมีการพิจารณาเรื่องของดอกเบี้ย 2 กรณี คือ การประกาศลดดอกเบี้ยเพื่อลดภาระให้เอสเอ็มอี หรือไม่ลดดอกเบี้ยเพื่อรอให้เฟดประกาศลดดอกเบี้ยก่อนส่วนตัวคาดว่า กนง.ไม่น่าจะลดดอกเบี้ยลง เพราะหากลดอาจทำให้เงินบาทอ่อนค่าขึ้นอีกได้
อย่างไรก็ตาม จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เคยประกาศไว้ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลง 3 ครั้ง เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก จึงคิดว่าเฟดจัยังไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีแรก แต่ครึ่งปีหลังจะลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ ประเทศไทยนั้น ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาถึง 2.50% ส่งผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะต้นทุนที่สูงขึ้น ดังนั้น หากจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ ก็จะเป็นการบรรเทาโดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนทางการเงินของกลุ่มเอสเอ็มอีลงได้ ซึ่งดอกเบี้ยในระบบและดอกเบี้ยนอกระบบมีความผูกพันกัน หากดอกเบี้ยในระบบลดลง ดอกเบี้ยนอกระบบก็จะลดลงเช่นกัน
"การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกระตุ้นกำลังการซื้อของประชาชนมากขึ้น สินค้าก็อาจจะลดราคาลงได้ สิ่งเหล่านี้หากทำควบคู่กับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้ เพราะขณะนี้ภาคการท่องเที่ยวก็ได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว" นายเกรียงไกร กล่าว
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย กล่าว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เข้าใจในมุมมองของ กนง. ที่ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ระหว่างการฟื้นตัว การดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้สูง การรักษาเสถียรภาพของเงินทุนเข้าออก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดทำให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ส่วนในมุมของผู้ประกอบการและประชาชนก็ยังอยากให้มีการลดดอกเบี้ย ในภาวะที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และต้นทุนต่างๆอยู่ระดับสูง แม้การลดดอกเบี้ยจะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนหรือภาระของผู้ประกอบการและประชาชนลดลง แต่ก็มีส่วนช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ในภาวะปัจจุบันที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำ และกำลังซื้อในประเทศอย่างซบเซา
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตามอง ท่าทีของ กนง. นับจากนี้ไปว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเช่นเดิมอีกหรือไม่ เพราะหากยังคงอัตราดอกเบี้ยในลักษณะนี้ไปอีกระยะ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีต้นทุนค่าพลังงาน ค่าวัตถุดิบ รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่สูง ซึ่งจะกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน
ดังนั้น หอการค้ามองว่า หากรัฐบาลจะมีนโยบายทางการคลังเพิ่มเติม ผ่านมาตรการต่างๆ เฉพาะกลุ่มที่เปราะบาง เช่น Soft Loan ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหมุนเวียน ที่ง่ายและสะดวกมากขึ้น เพื่อบรรเทาผลกระทบ คงจะมีส่วนช่วยประคองความสามารถของเอสเอ็มอีให้เดินหน้าต่อไปได้ แล้วหวังว่า กนง. จะได้ พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งถัดไปต่อไป
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ส่งสัญญาณมาตลอดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของประเทศไทยไม่รวมราคาพลังงานและอาหารจะอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1-3%รวมทั้งเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป และจะเด่นขึ้นในไตรมาส 3 นี้ซึ่งอัตราดอกเบี้ยขณะนี้เหมาะสมที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นในกรอบที่หลายฝ่ายคาดที่2.7-2.8%
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยไทยยังต่ำสุดในอาเซียนและค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มเอเชียและที่สำคัญค่าเงินบาทอยู่ในกรอบ 36-37 บาทต่อดอลลาร์ การที่ลดดอกเบี้ยก่อนคนอื่นจะทำให้ผลตอบแทนต่อเศรษฐกิจไทยที่มีต่อนักลงทุนน้อยลง อีกทั้ง จะทำให้ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐห่างขึ้น ซึ่งทำให้เกิดภาวะเงินไหลออกทำให้มีเงินคล่องตัวในระบบเศรษฐกิจน้อยลงจึงทำให้ไม่ลดดอกเบี้ย
“ธปท.ไม่ลดดอกเบี้ยจะเป็นการส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยตอนนี้เหมาะสมที่ทำเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ 2.7% และสอดคล้องทิศทางการปรับตัวของดอกเบี้ยของธนาคารกลางโลก เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันอยู่ที่ 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายใต้ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้มีความเสี่ยงในเรื่องของเงินเฟ้อทั้งโลก"นายธนวรรธน์ กล่าว
ขณะเดียวกันเงินเฟ้อสหรัฐจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.4%ในเดือนเม.ย.หรือไม่ อาจทำให้เฟดชะลอการลดดอกเบี้ยหรือลดดอกเบี้ยน้อยลงซึ่งสัญญาณเหล่านี้เป็นความไม่ชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยทำให้ ธปท.อาจไม่ลดดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นในช่วงปลายไตรมาส 2 จนถึงสิ้นปี จากผลของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตและอสังหาริมทรัพย์