'คมนาคม' ถก 'กองทัพอากาศ' จ่อทุบ 'สนามกอล์ฟกานตรัตน์' รับเที่ยวบินเพิ่ม
คมนาคมถกร่วมกองทัพอากาศ จ่อทุบ “สนามกอล์ฟกานตรัตน์” ขยายพื้นที่สนามบินดอนเมือง ตั้งคณะทำงานเจรจาชดเชยผลกระทบ ขณะที่ ทอท.ประเมินผลบวกหากได้รับมอบพื้นที่ หนุนรับเที่ยวบินเพิ่ม 5% เตรียมควักงบหลักพันล้านบาท ปั้น Sport Complex แห่งใหม่ทดแทน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประชุมหารือกรอบความร่วมมือในการดำเนินงานระหว่างกองทัพอากาศและกระทรวงคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตามนโยบาย “Aviation Hub” ของรัฐบาล ร่วมกับพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กองทัพอากาศ (ทอ.) และกระทรวงคมนาคมร่วมมือกันในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ
โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตามนโยบาย “Aviation Hub” ของรัฐบาล ซึ่งกองทัพอากาศพร้อมสนับสนุนรัฐบาลในมิติของการบินพลเรือน และมีประเด็นหารือร่วมกันในเรื่องการมอบสนามกอล์ฟ กานตรัตน์ หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามงู ให้รัฐบาลใช้ประโยชน์ด้านการบินพลเรือน ซึ่งกองทัพอากาศกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ประสานงานกันในเบื้องต้นแล้ว และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพิจารณารายละเอียดร่วมกัน
โดยกระทรวงฯ ได้มอบนโยบายให้ ทอท. พิจารณางบประมาณในการชดเชยรายได้บุคลากรและรายได้จากสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งการสนับสนุน ทอ. อย่างสมเหตุสมผล จากการใช้ประโยชน์จากพื้นที่สนามงู เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถเที่ยวบินจาก 55 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 65 เที่ยวบินต่อชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งจะนำมาซึ่งรายได้มาสู่ประเทศได้เพิ่มขึ้น
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า การประชุมหารือในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและกระทรวงคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งในอนาคตทั้งสองหน่วยงานจะมีความร่วมมือระหว่างกันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Aviation Hub ของรัฐบาล และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทั้งด้านการบินและด้านเศรษฐกิจตามเป้าหมายของรัฐบาลได้โดยเร็ว
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เผยว่า จากการหารือร่วมกับกองทัพอากาศพบว่าผลกระทบในกรณีไม่ได้ดำเนินกิจการสนามกอล์ฟ อาทิ ผลกระทบด้านยุทธการ เนื่องจากบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ในอนาคตหากมีสถานการณ์วิกฤตขึ้นกองทัพอากาศจะปรับเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการด้านความมั่นคงทันที รวมทั้งจะมีผลกระทบการใช้ประโยชน์พื้นที่ราชพัสดุ ประโยชน์ด้านสวัสดิการกับข้าราชการกองทัพอากาศ
นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบกับขวัญและความรู้สึกของข้าราชการกองทัพอากาศ เนื่องจากผู้ใช้บริการเป็นข้าราชการกองทัพอากาศทั้งในปัจจุบันและผู้ที่เกษียณแล้ว ขณะเดียวกับพนักงานสนามกอล์ฟ จำนวน 49 คนจะขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว รวมทั้งพนักงานถือถุงกอล์ฟ (แคดดี้) จำนวน 264 คน ขาดรายได้ที่หาเลี้ยงครอบครัว ขณะเดียวกันโดยรอบพื้นที่สนามกอล์ฟยังมีผู้ประกอบการร้านค้าประจำหลุมต่างๆ ที่จะขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว และการไม่มีกิจการสนามกอล์ฟ ยังส่งผลให้ขาดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในชุมชน
อย่างไรก็ดี ทางกองทัพอากาศประเมินผลกระทบด้านรายได้ที่จะเกิดขึ้นหากไม่มีกิจการสนามกอล์ฟ โดยประมาณการเงินชดเชยรวมประมาณ 138 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ผลกระทบกับรายได้แคดดี้ จำนวน 250 คน (ไม่รวมครอบครัว) ประมาณปีละ 75 ล้านบาท 2. ผลกระทบกับพนักงานและเจ้าหน้าที่สนาม จำนวน 51 คน ประมาณปีละ 9.1 ล้านบาท
3. เสียรายได้จากการดำเนินการกิจการ นำส่งเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพอากาศ ประมาณปีละ 5.5 ล้านบาท 4.ผลกระทบกับทรัพย์สิน เครื่องจักร 35 รายการ ประมาณ 12 ล้านบาท 5.ผลกระทบกับงบลงทุนสร้างอาคารคลับเอาส์ ประมาณ 35 ล้านบาท 6. ผลกระทบกับงบลงทุนสร้างรายในสนามประมาณ 1.8 ล้านบาท และ 7.ผลกระทบกับผู้ประกอบการภายในสนาม 15 กิจการ
นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังประเมินการจัดใช้งบประมาณที่จะต้องเกิดขึ้น หากไม่ได้ดำเนินกิจการสนามกอล์ฟ โดยแบ่งงบออกเป็น ชดเชยรายได้และบุคลากร คาดการณ์ไว้ที่ปีละ 89.6 ล้านบาท และงบค่าสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ ประมาณ 48.8 ล้านบาท รวมทั้งยังมีงบค่าก่อสร้างอาคาร Sport Complex แห่งใหม่ ที่ต้องการให้ ทอท.สนับสนุน ประเมินวงเงินลงทุนในหลักพันล้านบาท