'พิชัย' เข้ากระทรวงคลังครั้งแรกวันนี้ ลุยโจทย์หิน แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
"พิชัย ชุณหวชิร" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ เดินทางเข้ากระทรวงทำงานวันแรก เตรียมประชุมมอบนโยบายทำงาน พร้อมแบ่งงาน 3 รมช. ลุยแก้โจทย์ใหญ่ดันเศรษฐกิจฟื้น
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (7 พ.ค.2567) ภาย หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เวลาประมาณบ่ายโมง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังทั้ง 3 คน จะเดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการคลัง
หลังจากนั้นจะมีการประชุมเพื่อมอบนโยบายให้กับหน่วยงานภายใต้กำกับกระทรวงการคลังรวมทั้งคาดว่าจะมีการแบ่งงานให้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังที่มีถึง 3 คน ประกอบด้วย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ได้เลื่อนชั้นจากเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน ได้มอบหมายงานให้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รับผิดชอบกำกับดูแลกรมบัญชีกลาง กรมสรรพสามิต สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง รวมถึงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในสังกัด ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) องค์การสุรา การยาสูบแห่งประเทศไทย และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รับผิดชอบกำกับดูแลกรมสรรพากร กรมธนารักษ์ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) รวมถึงกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในสังกัด ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบริษัท บริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด
ทั้งนี้ นายเศรษฐาจะกำกับดูแลกรมศุลกากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ด้วยตัวเอง
สำหรับบทบาทของนายพิชัย ในฐานะรองนากยกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ มีภารกิจเร่งด่วนหลายด้านรออยู่ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบายเรือธง โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่อาจสร้างความเสี่ยงให้กับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ
ซึ่งแม้จะมีเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จากพรรคเพื่อไทย เข้ามาขับเคลื่อนโครงการนี้ แต่ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัยจะต้องมีส่วนร่วมผลักดันโครงการนี้
นอกจากนี้ ยังต้องเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนโยบายการคลังเพื่อผลักดันการเติบโตเศรษฐกิจประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าว่าตลอด 4 ปี การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5% ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
รวมทั้งการแก้ปัญหาปากท้องช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนผ่านมาตรการภาษีเช่น การพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตดีเซลหากราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มสูง
ขณะเดียวกันยังมีโจทย์หินในการเจรจากับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อผลักดันให้นโยบายการเงินและการคลังดำเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน