‘พีระพันธุ์’ เร่งกม.ปรับโครงสร้างน้ำมัน เล็งให้ พลังงานกำหนดภาษีสรรพสามิต
“พีระพันธุ์” เร่งเขียนกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ เล็งดึงอำนาจกำหนดภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลับมาอยู่กับกระทรวงพลังงาน ชี้เป็นเครื่องมือช่วยลดการขาดทุนของกองทุนพลังงานฯ คาดใช้เวลาทำกฎหมายไม่นาน ไม่ทราบกฤษฎีกาทักท้วงอุดหนุนพลังงาน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีสมาคมขนส่งมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการปรับเพดานการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไปที่ 33 บาทต่อลิตรอาจกระทบกับภาคการขนส่งนั้น เราพยายามที่จะดูแลราคาน้ำมันดีเซลมาให้เขามาตลอด ตนเองก็ได้รับข้อร้องเรียนว่าทำไมเวลาราคาน้ำมันในตลาดโลกลดราคา แล้วถึงไม่มีการลดราคาให้กับประชาชน
ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานพยายามที่จะตรึงราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อลิตร แต่ในขณะนี้เรายังตรึงไม่ได้ ที่ผ่านมาตลอด 50 ปีเราใช้วิธีการตรึงราคาด้วยเงินก็ขึ้นกับเงินในกระเป๋า ทีผ่านมาเงินมากเราก็ตรึงราคาได้มาก แต่ว่าเงินน้อยตอนนี้เราก็ตรึงได้น้อย
ถ้าเราเก็บเงินได้มากเดี๋ยวเราก็ตรึงได้อีก แต่ว่าระบบนี้เราไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ต้องปรับระบบใหม่ซึ่งตนเองกำลังเขียนกฎหมายอยู่ และจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้ โดยคาดว่าใช้เวลาไม่นาน ซึ่งตอนนี้เขียนไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว
เมื่อถามว่ากองทุนน้ำมันยังใช้ในการดูแลราคาน้ำมันได้นานหรือไม่ นายพีระพันธุ์ชี้แจงว่า เดิมการดูแลราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2516 ที่มีการตั้งกองทุนน้ำมันแต่ยังไม่ได้มีกฎหมายรองรับ มามีกฎหมายรองรับตั้งแต่ปี 2562 โดยก่อนปี 2562 นั้นคำสั่งที่ใช้ในการดำเนินงานตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 ในคำสั่งนี้ให้อำนาจกองทุนน้ำมันมีอำนาจในการดูแลหรือตรึงราคาน้ำมันได้ 2 วิธี หรือ 2 ขา คือการใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯ และ อีกส่วนหนึ่งคือการให้อำนาจในการกำหนดเพดานภาษี
ทั้งนี้กองทุนน้ำมันฯในอดีตไม่มีอำนาจในการเก็บภาษีแต่มีอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีของน้ำมันแต่ละชนิด ดังนั้นเราสามารถใช้เครื่องมือทั้งสองส่วนนี้ในการดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนได้ ซึ่งเราสามารถใช้ทั้งเงินในกองทุนน้ำมัน และเพดานภาษีมาดูแลราคาน้ำมัน ซึ่งก็คือเรามีอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีน้ำมันแต่ละประเภท แต่คนเก็บภาษีนั้นคือกระทรวงการคลัง แต่พอออกกฎหมายในปี 2562 แล้วไปตัดอำนาจในการกำหนดภาษีของกองทุนน้ำมันฯออก เหลือแต่การใช้เงินอย่างเดียว ทำให้กองทุนน้ำมันฯนั้นติดลบ เป็นหนี้จำนวนมากตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา
“การกำหนดภาษีน้ำมันฯซึ่งเคยเป็นอำนาจของกองทุนน้ำมันฯนั้นไม่มีแล้วตั้งแต่ปี 2562 ครั้งนี้เราก็ไปขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดเพดานภาษีน้ำมันสรรพสามิตดีเซล แต่เขาไม่เห็นด้วย แต่เดิมนั้นกระทรวงพลังงานนั้นสามารถกำหนดผ่านกองทุนฯได้ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรมมีการแก้ไขต่อไปเช่นกัน ซึ่งควรจะกลับมาเป็นแบบเดิม เนื่องจากสินค้าตัวนี้กระทรวงพลังงานเป็นคนดู อำนาจส่วนนี้จึงควรอยู่กับกระทรวงพลังงาน แต่เมื่อกำหนดแล้วก็เป็นหน้าที่ที่กระทรวงการคลังไปเก็บภาษีในส่วนนี้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 4/2547”
เมื่อถามถึงเรื่องการคัดค้านการอุดหนุนราคาพลังงานของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่าตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
“ผมนั่งอยู่ในที่ประชุม ครม.เรื่องนี้ไม่มีนะ การช่วยเหลือประชาชนมันไม่ดีตรงไหน ส่วนข้อกังวลจากหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องผมไม่เห็น”