“ภูมิธรรม” ลั่นเดินหน้าประมูลข้าว 10 ปี ขอจบดราม่า ใครไม่จบรับผิดชอบเอง
“ภูมิธรรม” ขอจบ ดราม่า “ข้าว 10 ปี” หลังผลตรวจสอบชี้ชัดไม่มีสารพิษ สารเคมีตกค้าง เดินหน้าเปิดประมูลทั้งล๊อต 1.5 หมื่นตัน คาดรู้ผลผู้ชนะเดือนมิ.ย.นี้ ลั่นใครยังไม่ยอมจบ หรือมีคำถามเยอะ ต้องรับผิดชอบความเสียหายต่อข้าวไทย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบข้าว 10 ปีที่เก็บในโกดังเอกชน 2 แห่งในจ.สุรินทร์ ในโครงการรับจำนำข้าว ว่า น่ายินดี ที่ผลการตรวจสอบข้าวดังกล่าว จากทั้งของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบริษัทเอกชน ออกมาดีมาก ไม่มีสารจากการรมยา หรือสารพิษตกค้าง หรือตกค้างน้อยมากในปริมาณที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานเป็นหน่วยงานตรวจสอบที่ได้มาตรฐานทางเทคนิค ทำให้หมดข้อกังวลใจได้ และจะนำมาประมูลทันที โดยจะประมูลเป็นการทั่วไปสำหรับการบริโภค แต่ผู้ชนะประมูลจะเอาไปทำอะไรก็ได้นอกจากขายเพื่อการบริโภค แต่เชื่อว่า ไม่มีใครประมูลราคาสูง หรือราคาสำหรับคนกิน แล้วเอาไปทำเป็นอาหารสัตว์ หรือแอลกอฮอล์แน่นอน เพราะจะไม่คุ้มค่า
เมื่อถามว่า ข้าวที่ส่งไปตรวจสอบเป็นข้าวจากทั้ง 2 โกดังในจ.สุรินทร์จริงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใครตั้งคำถามเยอะ ต้องรับผิดชอบผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น วันนี้ ได้รับผลพิสูจน์ชัดแล้ว ทั้งจากหน่วยงานรัฐ และเอกชน อยากให้ช่วยประเทศ อย่าทำลายความเชื่อมั่นข้าวไทย และประเทศไทย ปล่อยให้เดินไปตามกระบวนการ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับรัฐ โดยเงินที่ได้จากการประมูลจะนำเข้ารัฐ และบางส่วนอาจใช้หนี้ให้กับโกดัง หรือเป็นค่าเสียโอกาสทางธุรกิจ
“ผมคิดว่าดราม่ามากเกินไป ควรยุติได้แล้ว เพื่อให้ประโยชน์เกิดกับประเทศดีกว่า กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการทุกอย่างอย่างโปร่งใส ให้สื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบเอง อย่าตั้งข้อสงสัยจนทำให้ข้าวไทยมีปัญหา และเกิดผลกระทบต่อข้าวไทย อย่าทำลายความเชื่อมั่นของข้าวไทย และประเทศไทย วันนี้ปล่อยให้ผู้ประมูลทำหน้าที่ของเขา เชื่อว่า ไม่มีใครประมูลแล้วเอาไปให้คนของเขากินแล้วมีปัญหา ไม่มีใครประมูลแล้วได้ของที่ไม่ดีไปและไม่สมมูลค่าเงินที่จ่าย”
สำหรับการกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข (ทีโออาร์) การประมูลข้าวนั้น ขณะนี้ มีคณะกรรมการพิจารณาการจัดทำอยู่แล้ว ประกอบด้วยหลายหน่วยงาน เช่น องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำทีโออาร์ แต่ได้ให้หลักการไปว่า จะเปิดประมูลยกกอง หรือประมูลข้าวสารหมดทั้ง 15,000 ตัน เป็นประมูลเป็นการทั่วไปสำหรับการบริโภค ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าร่วมประมูลได้ โดยผู้เสนอราคาสูงสุดจะเป็นผู้ชนะประมูล แต่ให้จัดลำดับผู้ที่เสนอราคาสูงสุด 5 อันดับแรกไว้ หากรายแรกทิ้งสัญญา ก็ให้เลือกรายถัดไปมารับมอบข้าว จะได้ไม่ต้องเปิดประมูลใหม่ เป็นต้น
โดยการประมูลไม่น่าเกินสิ้นเดือนพ.ค.นี้ พร้อมจะออกทีโออาร์ และเดือนมิ.ย.น่าจะประมูลจบ โดยรัฐจะได้ประโยชน์สูงสุด ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ ตามหลักการที่ควรจะเป็น
สำหรับข้าวที่จะนำมาประมูล คือ 1. คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2557 ถึง 10 มีนาคม 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 2 เดือน รวมปริมาณทั้งสิ้น 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้มีการระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ
2. คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รับมอบข้าวสารตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2557 ถึง 29 เมษายน 2557 เก็บข้าวแล้ว 10 ปี 7 วัน มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ จาก 6 โรงสี ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ