“พาณิชย์”ตรวจตลาดสดเผยราคาผักสดเริ่มปรับตัวลดลง

“พาณิชย์”ตรวจตลาดสดเผยราคาผักสดเริ่มปรับตัวลดลง

กรมการค้าภายในตรวจตลาดสดดวงแก้วพลาซ่า จ.นนทบุรี พบผักสดราคาเริ่มปรับตัวลดลง ทั้งถั่วฝักยาว พริกขี้หนูจินดา ผักชี มะนาว หลังเข้าสู่ฤดูฝน ผลผลิตออกมากขึ้น และเป็นไปทิศทางเดียวกันกับราคาผักสดทั่วประเทศ

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการสำรวจสถานการณ์การค้าและราคาสินค้า ณ ตลาดสดดวงแก้วพลาซ่า จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2567 ว่า เป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบรักษาความเป็นธรรมทางการค้า และป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค โดยพบว่าประชาชนมีการออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก ราคาสินค้าทรงตัว แต่ราคาผักสดในภาพรวมเริ่มทรงตัวและปรับตัวลดลง โดยถั่วฝักยาว จากราคา 65 บาท/กิโลกรัม (กก.) ลดเหลือ 60 บาท/กก. พริกขี้หนูจินดา จากราคา 86.50 บาท/กก. ลดเหลือ 80 บาท/กก. ผักชี จากราคา 220 บาท/กก. ลดเหลือ 200 บาท/กก. มะนาว จากราคา 3.30 บาท/ลูก ลดเหลือ 3.00 บาท/ลูก ส่วนผักที่ราคาทรงตัว อาทิ ผักกาดขาว 40 บาท/กก. กะหล่ำปลี 40 บาท/กก. ผักบุ้งจีน 40 บาท/กก. และพริกขี้หนูสวน 420 บาท/กก.

“ราคาผักสดในตลาดดวงแก้วพลาซ่า เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาผักสดทั่วประเทศ ที่ส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวลดลง เพราะขณะนี้ผลผลิตผักได้เข้าสู่ตลาดเป็นปกติแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน หลังจากที่ผักสดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงหน้าร้อนก่อนหน้านี้”

 ทั้งนี้ ยังมีสินค้าผักที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีความอ่อนไหวในช่วงหน้าฝน ได้แก่ ผักชี ต้นหอม โดยกรมจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบกรณีมีราคาสูงผิดปกติ หรือขาดแคลน จะประสานผักจากตลาดกลางสินค้าเกษตร ได้แก่ ตลาดศรีเมือง ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท เพื่อดำเนินการเชื่อมโยงและจำหน่ายผักราคาส่ง และเปิดจุดในจังหวัดที่มีปัญหาทันที โดยปัจจุบันดำเนินการเปิดจุดจำหน่ายรวมแล้วกว่า 22 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย กำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ หนองคาย สกลนคร มุกดาหาร สุรินทร์ ยโสธร ฉะเชิงเทรา อ่างทอง อุทัยธานี จันทบุรี ลพบุรี ชัยนาท ภูเก็ต พังงา และนราธิวาส

 อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการ สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือสำนักงานชั่งตวงวัดสาขาทั่วประเทศ โดยกรมจะเข้าไปดำเนินการตรวจสอบให้ความเป็นธรรม และหากพบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่มีการแสดงราคาสินค้าและบริการ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากจำหน่ายสินค้าและบริการในราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่าย ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542