จับตาสถานการณ์ตะวันออกกลาง กระทบราคาน้ำมันดิบครึ่งปีหลัง
ราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตา โดยเฉพาะปัจจัยที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ราคาน้ำมันโลก ช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 80 - 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากแรงหนุนด้าน ภูมิรัฐศาสตร์ ที่คาดว่าจะตึงเครียดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ในตะวันออกกลางมีการเจรจาหยุดยิงบรรลุผล อิสราเอลยอมพักรบ อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มย่อตัวลงได้
สงครามระหว่าง อิสราเอล กับ กลุ่มฮามาส ของปาเลสไตน์ ยังไม่มีข้อสรุป หลังข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่สำเร็จ ถึงแม้ว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาแลกกับการปล่อยตัวประกันภายหลังจากการเจรจากับอียิปต์และกาตาร์
ทำให้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า สงครามตัวแทนระหว่างกลุ่มฮามาสที่หนุนโดยอิหร่านและอิสราเอล จะขยายตัวและกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบหรือไม่
ขณะที่กลุ่ม OPEC+ ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นปี 2567 หรืออาจลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อรักษาสมดุลของตลาดน้ำมันดิบ
ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่ม OPEC+ ดำเนินนโยบายลดกำลังการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ตลาดจำเป็นต้องจับตาปัจจัยอื่นๆ ในด้านเศรษฐกิจโลกเช่นกัน เช่น นโยบายการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หรือ FED และตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจอื่น ซึ่งจะกระทบความผันผวนของราคาน้ำมันอาจมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย. 2567 หลัง อัตราเงินเฟ้อ ของสหรัฐเพิ่มขึ้นไม่มากในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางที่ระดับ 2%
ทั้งหมดนี้ คือปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อ ราคาน้ำมันดิบ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567