ข้าว 10 ปีเสนอราคา กก.ละ 19 บาท แนะติดตามเส้นทางหลังประมูล

ข้าว 10 ปีเสนอราคา กก.ละ 19 บาท  แนะติดตามเส้นทางหลังประมูล

“วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” จากกำแพงเพชร ชนะประมูลข้าว 10 ปี มูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท ซื้อ กก.ละ 19 บาท “ภูมิธรรม” มั่นใจ ปิดตำนานจำนำข้าว ด้านวงการค้าข้าว ชี้ราคาประมูลสูงเกินจริงเมื่อเทียบข้าวขาว 5% ในปัจจุบัน “นักวิชาการข้าว” แนะรัฐบาลติดตามเส้นทางผู้ค้าข้าวหลังจบประมูล

รัฐบาลเปิดประมูลข้าวในโกดังข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ดในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเก็บมากว่า 10 ปี โดยนำข้าวมาประมูล 15,000 ตัน จากคลัง 2 แห่ง ในจังหวัดสุรินทร์ แบ่งเป็น 

1.คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รวม 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้ระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 

2.คลังบริษัท พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ

องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดให้บริษัทที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ 7 ราย ยื่นซองเสนอราคาซองประมูลข้าวโครงการจำนำข้าวปี 2556/57 ปริมาณ 15,000 ตัน จาก 2 คลังในจังหวัดสุรินทร์ ที่ห้องประชุม อคส.วันที่ 17 มิ.ย.2567 

ทั้งนี้ มีบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติมายื่นซองเสนอราคา 6 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติ 7 ราย ขณะที่บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด จังหวัดอุบลราชธานี ไม่ยื่นซองประมูลข้าวครั้งนี้ แม้ว่าจะผ่านคุณสมบัติ

ทั้งนี้เมื่อเปิดซองประมูลข้าวในคลังสินค้า บริษัท พูนผลเทรดดิ้ง จำกัด หลัง 4 ที่มีข้าว 3,356 ตัน มีผู้ยื่นซองเสนอซื้อครบทั้ง 6 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร เสนอราคา 64.01 ล้านบาท 

บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด จังหวัดชัยนาท เสนอราคา 60.4 ล้านบาท , บริษัท สหธัญ จำกัด จังหวัดนครปฐม เสนอราคา 62.7 ล้านบาท บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคา 53.7 ล้านบาท , บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร  จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคา 56.08 ล้านบาท และบริษัท ทรัพย์แสงทอง ไรซ์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี เสนอราคา 40.9 ล้านบาท

ข้าว 10 ปีเสนอราคา กก.ละ 19 บาท  แนะติดตามเส้นทางหลังประมูล

 

ส่วนคลังสินค้ากลางกิตติชัย (หลัง 2) ปริมาณ 11,656 ตัน มีผู้ยื่น 4 ราย ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร เสนอราคา 222.9 ล้านบาท , บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด จังหวัดชัยนาท เสนอราคา 209.8 ล้านบาท , บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ เสนอราคา 186.5 ล้านบาท และบริษัท ทรัพย์แสงทอง จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรี เสนอราคา 182.04 ล้านบาท

“วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง” ชนะประมูล       

หลังเปิดซองประมูลราคาทั้ง 2 คลัง ผู้ที่เสนอราคาสูงสุดทั้ง 2 คลังคือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จังหวัดกำแพงเพชร รวมราคาประมูลทั้ง 2 คลัง มูลค่า 286 ล้านบาท หากคำนวณแล้วจะเฉลี่ยเสนอราคา กก.ละ 19.07 บาท โดยคณะทำงานรับ - เปิดซอง และต่อรองราคาข้าวในสต็อกของรัฐ ได้ต่อรองราคาเพื่อให้ได้ราคาสูงขึ้น 

ทั้งนี้ จะประกาศชื่อบริษัทชนะประมูลผ่านเว็บไซต์ อคส.ที่ www.pwo.co.th ไม่เกินวันที่ 21 มิ.ย.2567 ซึ่งกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ

สำหรับบริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 6 มี.ค.2563 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ ต.คลองขุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร โดยมีวัตถุประสงค์จัดตั้ง 33 ข้อ เช่น การขายส่งและการขายปลีกการซ่อมแซมยานยนต์และจักรยานยนต์ โดยให้บริการด้านการขายส่งวัตถุดิบอื่นทางการเกษตร และมีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายพืชผลการเกษตร

รวมทั้งมีกรรมการประกอบด้วย นางสาววรรณิสา ทองจิตติ , นางสาวทานตะวัน นาสมใจ และนายศิวะ มาประเสริฐ โดยผลดำเนินงานปี 2566 มีสินทรัพย์รวม 1.17 ล้านบาท หนี้สินรวม 12,420 บาท มีรายได้รวม 2.29 ล้านบาท รายจ่ายรวม 2.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 246,180 บาท

 

 ยืนยันข้าวในคลังคุณภาพพอใช้

นายศุภชัย วรอภิญญาภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรรไรซ์ จำกัด หนึ่งในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ ระบุว่า การประมูลครั้งนี้คึกคัก โดยมีผู้เข้าร่วมประมูลหลายรายแสดงให้เห็นว่าทุกบริษัทมองว่าข้าวในคลังยังมีคุณภาพใช้ได้สามารถนำไปขายต่อได้

โดยขณะนี้ตลาดข้าวมีความต้องการสูง และราคาข้าวในตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี โดยข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นข้าวใหม่อยู่ที่ กก.ละ 21.50 บาท ในส่วนของบริษัทที่มาประมูลครั้งนี้คือ ส่งออกเป็นหลัก โดยตลาดที่มีความต้องการข้าวได้แก่ บราซิล อิรัก

คาดนำเงินเข้ารัฐได้เกิน 200 ล้านบาท

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การมีผู้สนใจมาซื้อข้าวสะท้อนได้ดีว่าข้าวไม่มีปัญหาแม้จะเก็บมานาน แต่ขึ้นกับวิธีการจัดเก็บ และผู้ซื้อต้องนำไปปรับปรุงต่อ

 ส่วนราคาไม่ได้กำหนดขั้นต่ำเพราะต้องการให้โอกาสผู้ประกอบการประเมินตามวัตถุประสงค์ที่จะนำไปใช้ แต่จะใช้กระบวนการต่อรองให้ได้ราคาดีสุด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีราคาในใจที่เหมาะสมกับความเป็นจริงของสภาพข้าว 

สำหรับจากก่อนหน้านี้มีการด้อยค่าข้าวเพื่อขายเป็นอาหารสัตว์ กก.ละ 4-5 บาท แต่เชื่อมั่นว่าได้มากกว่านี้ ซึ่งหากขายได้เฉลี่ย กก.ละ 15-18 บาท น่าจะมีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท หักค่าใช้แล้วจะนำเงินกลับเข้ารัฐได้ไม่ต่ำกว่า 286 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จเร็วเพื่อแจ้งผู้ชนะประมูลมาทำสัญญา และชำระเงินมอบข้าวสาร โดยกำหนดเวลาขนย้ายให้เสร็จภายใน 30 วัน หลังการเซ็นสัญญา

"การขายข้าวได้จบภายในวันนี้ ถือเป็นการปิดตำนานโครงการจำนำข้าวได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการทำงานตามหน้าที่ โดยเฉพาะการสะสางงาน ที่คั่งค้างอยู่ ในฐานะที่มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ " นายภูมิธรรม กล่าว

มั่นใจไม่กระทบตลาดข้าวในประเทศ   

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่กระทบอุตสาหกรรมข้าว โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิฤดูกาลใหม่ที่มีผลผลิตเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่นอกฤดูกาล และปริมาณข้าวที่ประมูลไม่มากเมื่อเทียบกับการส่งออกปีละ 8 ล้านตัน และข้าวหอมมะลิที่ประมูลในครั้งนี้ได้ผ่านการตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งด้านกายภาพ และคุณภาพไม่พบสารก่อมะเร็ง ไม่มีสารรมยาตกค้าง และมีคุณภาพทางโภชนาการ

สำหรับกรณีผู้ชนะประมูลจะนำไปส่งออกต้องปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้ตามมาตรฐานข้าวหอมมะลิของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งการจำหน่ายในประเทศต้องผ่านมาตรฐานกรมการค้าภายใน และมีหน่วยงานตรวจสอบ เช่น อย. 

วงการค้าข้าวชี้ราคาสูงเกินจริง   

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า การประมูลข้าว 10 ปี มีการเสนอราคาสูงถึง กก.ละ 19 บาท ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อเพราะราคาประมูลไม่สมเหตุสมผลสูงเกินจริง เนื่องจากข้าวหอมมะลิในสต็อกรัฐบาลล็อตนี้เก็บมานานถึง 10 ปี ไม่มีความหอมเหลือทำให้คุณภาพเทียบเท่าข้าวขาว แต่เมื่อเปรียบเทียบราคาข้าวขาว 5% ข้าวใหม่คุณภาพดีปัจจุบันมีราคา กก.ละ 21.50 บาท 

ขณะที่ข้าวอายุ 10 ปี ประมูลได้ถึง 19 บาท ถือเป็นราคาผิดปกติ เพราะหากรวมค่าขนส่ง ค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวจะทำให้ข้าว 10 ปี มีต้นทุนสูงกว่าข้าวขาวใหม่ และกรณีซื้อข้าวใหม่ในตลาดไปขายจะดีกว่าประมูลข้าวเก่า 10 ปี ที่คุณภาพอาจไม่ดี และมีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่ม   

แนะติดตามเส้นทางระบายข้าว

นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นช่วงราคาข้าวสูงเพราะข้าวฤดูเก่าหมด และจะเกี่ยวข้าวได้ปลายเดือนพ.ย.นี้ จึงทำให้ราคาข้าวอยู่ขาขึ้น เพราะซัพพลายในตลาดข้าวเหลือน้อย โดยหากปรับสภาพ และค่าขนส่งคาดว่าต้นทุนตันละ 3 บาท ราคาต้นทุนจะเป็น 22 บาท ขายต่ำกว่าราคาตลาด 20% ยังได้กำไร แต่น่าติดตามว่าเส้นทางการกระจายข้าวประมูลจะไปที่ไหนอย่างไร

“วงการข้าวระุว่าในโกดังทั้ง 2 เก็บไว้ดี เอามาสีปรับสภาพได้เสียหายไม่มากนักคาดว่าผู้ประมูลน่าจะมีตลาดแต่บริษัทวีเอทเป็นบริษัทค้าข้าวในประเทศ คงมีตลาดโชห่วยอยู่ หรืออาจจะร่วมมือกับผู้ส่งออกที่ไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อส่งออกข้าวก็ได้”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์