'สุริยะ' สายตรงเจรจา 'ดอนเมืองโทล์ลเวย์' เสนอยืดสัมปทาน ชะลอปรับค่าทางด่วน
“สุริยะ” สายตรงเจรจา “ดอนเมืองโทล์ลเวย์” ชะลอขึ้นค่าผ่านทาง 22 ธ.ค.67 นี้ ยื่นข้อเสนอขยายสัญญาสัมปทานจากเดิมจะสิ้นสุดในปี 2577 จี้ “กรมทางหลวง” เร่งศึกษาราคาที่เหมาะสม และผลบวกดันปริมาณผู้ใช้ทาง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ทางด่วนโทล์ลเวย์ ประกาศเตรียมปรับอัตราค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทานในวันที่ 22 ธ.ค.2567 ตนเล็งเห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับค่าครองชีพของประชาชน จึงได้มอบนโยบายให้กรมทางหลวง (ทล.) เจรจากับเอกชนคู่สัญญา เพื่อชะลอการปรับลดค่าผ่านทาง
อีกทั้ง เช้าวันนี้ (21 มิ.ย.67) ตนได้โทรศัพท์ไปยัง นายสมบัติ พานิชชีวะ ประธานกรรมการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) เพื่อเจรจาให้ชะลอการปรับขึ้นค่าผ่านทาง เนื่องจากประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน และได้ข้อสรุปเบื้องต้นของการเจรจาโดยทางเอกชนยินดีให้ความร่วมมือ แต่ขอให้ภาครัฐพิจารณาชดเชยในลักษณะคล้ายกับการเจรจากับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือ บีอีเอ็ม ที่ขยายสัญญาสัมปทานแลกกับการปรับโครงสร้างอัตราค่าผ่านทางลงเหลือ 50 บาทตลอดสาย
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ตนได้มอบหมายให้ ทล.ศึกษารายละเอียดเปรียบเทียบกรณีปรับลดค่าผ่านทาง ต้องคงอัตราเท่าไร จึงจะเหมาะสมไม่เป็นภาระประชาชนมากเกินไป และหากปรับลดค่าผ่านทางลงจะต้องขยายสัญญาสัมปทานเพิ่มอย่างไร อีกทั้งการดำเนินงานเหล่านี้จะจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการทางด่วนโทล์ลเวย์เพิ่มขึ้นอย่างไร โดยหากปรับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากปัจจุบันปริมาณ 4 – 5 หมื่นคันต่อวัน เป็น 8 หมื่นคันต่อวัน ทางด่วนจะมีขีดความสามารถรองรับเพียงพอหรือไม่
“ตอนนี้แน่นอนว่าเราจะไม่ใช้วิธีชดเชยเงิน เพราะจะเป็นภาระงบประมาณ แต่ใช้วิธีเจรจากับเอกชนเพื่อใช้แนวทางขยายสัญญาแลกเปลี่ยน แต่จะขยายไปนานแค่ไหน ต้องรอให้กรมทางหลวงศึกษา คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 2 – 3 เดือนนี้”
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์เอกชน แต่กระทรวงฯ เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะหากเปรียบเทียบกับการไม่เจรจาเรื่องนี้ และปล่อยให้สัญญาสัมปทานหมด ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าผ่านทางที่จะปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทานอีก 2 ครั้ง ในเดือนธ.ค. 2567 และ ธ.ค.2572 ก่อนที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2577
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า กระทรวงฯ ยืนยันว่าการเจรจาขยายสัญญาสัมปทานดอนเมืองโทล์ลเวย์ครั้งนี้ เป้าหมายสำคัญเพื่อลดภาระประชาชน ไม่ได้มีข้อเสนอเกี่ยวกับแลกการก่อสร้างส่วนต่อขยายช่วงรังสิต – บางปะอิน ที่ ทล.มีแผนจะดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งกระทรวงฯ มองว่าการปรับลดค่าผ่านทางจะสนับสนุนให้ประชาชนใช้ทางด่วนโทล์ลเวย์เพิ่มขึ้น แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนวิภาวดี
นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า สัญญาสัมปทานดอนเมืองโทล์ลเวย์เอกชนได้รับสัมปทานจาก ทล. ในปี 2532 โดยเอกชนเป็นผู้ดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุน และกู้เงินมาลงทุนทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด ณ ขณะนั้น โดยเอกชนได้รับสิทธิเก็บค่าผ่านทางตามสัญญา ทั้งนี้ ต่อมาได้มีการแก้ไขสัญญาทั้งหมด 3 ครั้ง ในปี 2538 ปี 2539 และล่าสุดในปี 2550 ซึ่งจะหมดอายุสัญญาสัมปทานในปี 2577
ทั้งนี้ จากกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายให้เจรจาปรับลดค่าผ่านทางดอนเมืองโทล์ลเวย์ ทล.จะเร่งดำเนินการศึกษาข้อมูล และเจรจากับเอกชน ซึ่งประเมินเบื้องต้นหากปรับลดค่าผ่านทางลง คาดว่าจะจูงใจให้ประชาชนใช้บริการทางด่วนดอนเมืองโทล์ลเวย์เพิ่มขึ้นราว 15 - 20% ซึ่งทางด่วนดังกล่าวมีขีดความสามารถเพียงพอในการรองรับ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์