ทองปิดพุ่ง รับดอลลาร์อ่อน-คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย

ทองปิดพุ่ง รับดอลลาร์อ่อน-คาดเฟดหั่นดอกเบี้ย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1% ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย

วันพฤหัสบดี (27 มิ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 23.40 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ปิดที่ 2,336.60 ดอลลาร์/ออนซ์

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.90 เซนต์ หรือ 0.10% ปิดที่ 29.285 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 29.90 ดอลลาร์ หรือ 2.89% ปิดที่ 1,006.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 927.50 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ระดับ 105.906 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. และยังคงคาดว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แม้เฟดส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ก็ตาม

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย.

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องบินและสินค้าด้านอาวุธ ลดลง 0.6% ในเดือนพ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ถึงแผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานจะปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย.