ทูน่ากระป๋องไทยแชมป์โลก! 5 เดือนแรกส่งออกพุ่ง 13%
พาณิชย์ เผย ส่งออกทูน่ากระป๋องไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 ยังคงครองแชมป์ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ได้รับแรงหนุน จากปริมาณทูน่าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง ประกอบเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้น แนะผู้ประกอบการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานให้สอดรับมาตรฐานโลก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – พ.ค.) ไทยส่งออกทูน่ากระป๋อง เป็นปริมาณ221,092 ตัน เพิ่มขึ้น 19.39 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 978.56 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.40 % (ปี 2566 ไทยส่งออกทูน่ากระป๋อง 445,000 ตัน หดตัว 13.42 % เป็นมูลค่า 2,087.30 ล้านดอลลาร์ หดตัว 9.34 %
นอกจากนี้ ผลพลอยได้จากการผลิตทูน่ากระป๋อง มีการนำไปใช้ประโยชน์เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง โดยพบว่ามูลค่าการส่งออกอาหารสุนัขและแมว ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – พ.ค.) มีปริมาณ 337,579 ตัน ขยายตัว 21.64 % คิดเป็นมูลค่า 1071.54 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 37.60% ถือเป็นสัญญาณการกลับมาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทูน่าทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในห่วงโซ่คุณค่า
ตลาดส่งออกทูน่ากระป๋องที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก ปี 2566 ได้แก่ 1. สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการส่งออก 482.06 ล้านดอลลาร์ มีสัดส่วน 23.10% ของมูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย) 2. ญี่ปุ่น 257.27 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 12.33 % 3.ออสเตรเลีย 172.68 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 8.27 % 4. ลิเบีย 150.37 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 7.20 % และ 5. ซาอุดีอาระเบีย 137.92 ล้านดอลลาร์ สัดส่วน 6.61 %
สำหรับภาพรวมของโลก ผู้ส่งออกทูน่าหลักของโลก 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ไทย มีมูลค่าการส่งออก 2,087.30 ล้านดอลลาร์ 2. เอกวาดอร์ 1,188.73 ล้านดอลลาร์ 3. จีน 832.24 ล้านดอลลาร์ 4. สเปน 792.49 ล้านดอลลาร์ และ 5. เนเธอร์แลนด์ 313.75 ล้านดอลลาร์
ในส่วนของผู้นำเข้าหลักของโลก สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่งของโลก มีมูลค่าการนำเข้ารวม 1,181.80 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 13.48 % ของการนำเข้ารวมของโลก ขณะที่อันดับ 2 – 5 อยู่ในตลาดยุโรป ได้แก่ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และเยอรมนี มีมูลค่าการนำเข้ารวม 2,822.20 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วน 32.20 % ของการนำเข้ารวมของโลก และในตลาดนำเข้าหลักของโลกดังกล่าว ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา 38.14 %
ส่วนในตลาดยุโรปที่เป็นตลาดศักยภาพขนาดใหญ่ ไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 0.59 % สำหรับตลาดอื่น ๆ ที่มีมูลค่าการนำเข้าสูง และไทยมีส่วนแบ่งตลาดสูง ได้แก่ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งไทยมีส่วนแบ่งตลาด 57.13 % และ 77.57 %ตามลำดับ
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทยเติบโตมากขึ้นในปีนี้ มาจากราคาต้นทุนทูน่าที่ต่ำลง ประกอบกับการเติบโตของความต้องการอาหารฮาลาล และความเสี่ยงด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้มีการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเห็นได้จากมูลค่าการนำเข้าของประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง จึงทำให้ไทยซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตที่มีศักยภาพ มีเทคโนโลยีการผลิตที่ครบวงจรและได้มาตรฐานสากล สามารถพัฒนา ผลิตภัณฑให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้
ประกอบกับความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งในการรับซื้อปลาทูน่าจากทั่วโลก และการมีเครือข่ายครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต รวมทั้งช่องทางการกระจายสินค้าในตลาดสำคัญ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะยกระดับการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องของไทยมีความแข็งแกร่ง ไทยเป็นผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนานต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อให้ไทยสามารถครองตำแหน่งผู้ส่งออกทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของโลกต่อไป จะต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพการผลิตที่ถูกสุขอนามัยตามมาตรฐานสากล การมีระบบตรวจสอบย้อนกลับ การดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืน
รวมทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อขยายสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะภูมิภาคตะวันออกกลาง และยุโรป ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ในการเดินหน้าประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเกษตรและอาหาร (Agriculture & Food Hub) ของโลกในอนาคตต่อไป