'คลัง' เล็งตัดมือถือ - สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
“เผ่าภูมิ” เผยมีโอกาสสูงถูกกำหนดไว้ในกลุ่มสินค้า Negative List กระทรวงพาณิชย์ จ่อสรุปส่งให้คณะอนุกรรมการฯ 10 ก.ค.67 นี้ ก่อนชงบอร์ดชุดใหญ่ 15 ก.ค.67
วันนี้ (8 ก.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เติมเงิน 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่าในส่วนของสินค้าที่จะเข้าร่วมโครงการนี้และให้ประชาชนใช้เงินที่ได้รับคนละ 10,000 บาทไปซื้อสินค้าได้นั้น สำหรับรายละเอียดของสินค้าที่จะกำหนดให้มีการซื้อสินค้าใดได้หรือไม่ จะมีการกำหนดเป็นรายการสินค้าที่ไม่สามารถร่วมโครงการได้ (Negative list)
โดยขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ที่จัดทำซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปแต่มีโอกาสสูงที่สินค้าที่เป็นมือถือ และอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจะถูกกำหนดเป็นสินค้าใน Negative list ให้ไม่สามารถที่จะใช้ได้ แต่ว่าจะต้องรอข้อสรุปอีกครั้ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันในสังคมเรื่องการซื้อโทรศัพท์มือถือ จึงให้ที่ประชุมมีการทบทวนให้ละเอียดอีกครั้ง โดยเป็นห่วงเรื่องสินค้านำเข้า เพราะจะทำให้การใช้จ่ายรอบแรกเงินจะไหลไปต่างประเทศ ขณะที่วัตถุประสงค์ของโครงการคือ ต้องการกระตุ้นการบริโภค และการผลิตในประเทศ
ไทม์ไลน์ล่าสุดของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
- วันที่ 10 ก.ค.67 จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
- วันที่ 15 ก.ค.67 นายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet
- วันที่ 24 ก.ค.67 นายกรัฐมนตรี จะมีการแถลงคิกออฟโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้ง พร้อมประกาศวันเปิดให้ประชาชน และร้านค้าลงทะเบียนในโครงการ
- วันที่ 30 ก.ค.67 กระทรวงการคลังในฐานะเลขานุการคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบรายละเอียดโครงการ
ส่วนกำหนดการจ่ายเงินให้กับประชาชนได้ใช้จ่ายยังคงกำหนดไว้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ แต่ยังไม่ระบุวัน
ทั้งนี้ ประชาชนที่มีคุณสมบัติ และสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สามารถทยอยเข้ามายืนยันตัวตนในระบบด้วย KYC ได้ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวของการยืนยันตัวตน ก่อนที่จะเปิดลงทะเบียนรับสิทธิโครงการ
เปิดเงื่อนไขได้รับเงิน 10,000 บาท
- ประชาชนที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
- มีสัญชาติไทย
- อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี หรือ มีรายได้เดือนละ 70,000 บาท
- มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น เงินฝากประจำ เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากกระแสรายวัน บัตรเงินฝาก ใบรับเงินฝาก ผลิตภัณฑ์เงินฝาก ไม่นับรวมสลากออมทรัพย์ รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์