ถอดบทเรียน 'รถไฟฟ้าสายสีชมพู' ประตูเปิด รฟม.จ่อวัด KPI ธ.ค.นี้ ตัดเงิน 5%
“กรมราง” ถอดบทเรียนรถไฟฟ้าสายสีชมพูประตูเปิด พบระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลไม่ได้ขัดข้อง เกิดจากกระเป๋าติดเจ้าหน้าที่พยายามจะเปิดประตูขณะรถจอด เพียงแค่ 50 วินาที ด้าน รฟม.เตรียมประเมิน KPI ธ.ค.นี้ ก่อนหักเงินสนับสนุน 5% ตามสัญญา
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับและบริหารจัดการระบบขนส่งทางราง ครั้งที่ 3/2567 ร่วมกับหน่วยงานผู้ให้บริการระบบรางที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมได้รับทราบเหตุรถไฟฟ้าขัดข้องประจำเดือนมิถุนายน 2567 จำนวน 8 ครั้ง (รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท 2 ครั้ง สายสีทอง 2 ครั้ง Airport Rail Link 3 ครั้ง และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง 1 ครั้ง) เกิดจากระบบเบรกขัดข้อง 3 ครั้ง ระบบขับเคลื่อน 2 ครั้ง จุดสับรางขัดข้อง 2 ครั้ง และระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง 1 ครั้ง
พร้อมทั้งที่ประชุมได้ร่วมกันถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระบบขนส่งทางรางในเดือนกรกฎาคม 2567 ที่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ รวมทั้งแนวทางในการปรับปรุง และแก้ไขปัญหา โดยมีประเด็นหารือสำคัญ ดังนี้
1.) กรณีเหตุการณ์ประตูรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดบริเวณสถานีลาดปลาเค้า (PK18) เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เวลา 07.01 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางรางได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้ให้บริการเดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู พบว่าสาเหตุเกิดจากกระเป๋าของผู้โดยสารติดอยู่กับประตูรถไฟฟ้าหมายเลข PM 10 ขณะขบวนรถเคลื่อนที่ออกจากสถานีลาดปลาเค้า มุ่งหน้าศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าได้ยินเสียงดังผิดปกติ จึงได้กดปุ่มหยุดรถฉุกเฉิน และแจ้งเหตุให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถรับทราบเหตุการณ์
โดยบางส่วนของตู้สุดท้ายของขบวนรถยังอยู่ในสถานี ศูนย์ควบคุมการเดินรถจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าทำการเปิดประตูเฉพาะบานที่หนีบกระเป๋า โดยการใช้กุญแจประจำขบวนรถ แต่ไม่สามารถไขเพื่อเปิดประตูบานดังกล่าวได้ ศูนย์ควบคุมการเดินรถจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟฟ้ายกเลิกระบบควบคุมรถอัตโนมัติ และเข้าควบคุมขบวนรถด้วยตนเอง ให้เตรียมพร้อมที่จะขับรถย้อนกลับสู่สถานีลาดปลาเค้า เพื่อทำการเปิดประตูรถ และนำกระเป๋าที่ติดอยู่ออก
ระหว่างนั้นเกิดความเข้าใจผิดในการสื่อสารกับห้องศูนย์ควบคุมการเดินรถ จึงได้ทำการเปิดประตูรถไฟฟ้าฝั่งชานชาลาที่กระเป๋าติดอยู่ ในระหว่างการแก้ไขศูนย์ควบคุมการเดินรถได้เห็นเหตุการณ์ประตูรถเปิดออกผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าจะขับเคลื่อนขบวนรถย้อนเข้าสู่สถานี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟฟ้าปิดประตูรถทันที พร้อมให้นำกระเป๋าที่ติดกับประตูออก และปรับระบบเดินรถเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ หลังจากนั้นขบวนรถไฟฟ้าจึงกลับมาให้บริการได้ตามปกติ
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่า ไม่ได้เป็นการขัดข้องของระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลแต่อย่างใด เหตุเกิดจากประตูหนีบสายสะพายกระเป๋าของผู้โดยสารขณะปิดประตูรถไฟฟ้า ขั้นตอนการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาผิดพลาดเนื่องจากมีแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยระบบรถไฟฟ้าโมโนเรลยังคงปลอดภัยอยู่ ซึ่งภาพรวมของเหตุการณ์ประตูเปิดเพียง 50 วินาที
ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางราง ได้กำชับผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบเหตุฉุกเฉิน ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ภายในสถานีให้ผู้โดยสารทราบตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ประตูจัดเก็บค่าโดยสาร และเน้นย้ำพนักงานประจำบนขบวนรถไฟฟ้าใช้ระบบประชาสัมพันธ์ผู้โดยสาร (PA) บนขบวนรถให้ผู้โดยสารทราบว่าจะเปิดประตูโดยให้ยืนห่างจากบริเวณประตูก่อนที่จะเปิดประตูรถไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังให้มีการประชาสัมพันธ์เน้นย้ำให้ผู้โดยสารใช้ความระมัดระวังการนำสัมภาระเข้าสู่ขบวนรถ โดยควรสะพายยกกระเป๋า/เป้ไว้ด้านหน้าของตัวเอง และงดใช้โทรศัพท์ขณะเข้า-ออกขบวนรถไฟฟ้า พร้อมทั้งต้องมีการซ้อมแผนเผชิญเหตุในลักษณะดังกล่าว รวมถึงจัดฝึกอบรม และทบทวนการปฏิบัติงานของพนักงานให้เป็นไปตามขั้นตอน (SOPs) อย่างเคร่งครัด และในกรณีฉุกเฉินที่ต้องเปิดประตูรถ ให้ประกาศแจ้งผู้โดยสารให้อยู่ห่างจากบริเวณประตู และดำเนินการด้วยความระมัดระวังก่อนที่จะเปิดประตูขบวนรถไฟฟ้า
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการป้องกันการเกิดเหตุประตูดังกล่าว โดยให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถเพิ่มเติมข้อมูลรายละเอียดในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแก่พนักงานบนขบวนรถไฟฟ้า และห้ามเปิดประตูในขณะที่ขบวนรถอยู่นอกพื้นที่ชานชาลา พร้อมทั้งปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติงาน โดยให้มีการขับเคลื่อนรถไฟฟ้ามายังสถานีรถไฟฟ้าครบทั้งขบวนก่อน พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าขึ้นไปตรวจสอบบนชั้นชานชาลา เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าขบวนรถไฟฟ้าได้อยู่ในพื้นที่ชานชาลาสถานีทั้งหมดแล้ว จึงจะแจ้งให้ศูนย์ควบคุมการเดินรถสั่งการให้พนักงานประจำขบวนรถไฟฟ้าดำเนินการเปิดประตูได้ จากนั้นพนักงานประจำขบวนรถไฟฟ้าจึงจะเปิดประตูได้ ซึ่งจะทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
2.) การจัดการกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link รามคำแหง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เวลา 05.07 น. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาการให้เอกชนที่เช่าใช้พื้นที่ต้องมีมาตรการป้องกัน และระงับอัคคีภัยตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด เช่น การเว้นระยะห่างสำหรับเป็นทางอพยพให้เพียงพอต่อผู้โดยสาร การตรวจสอบโครงสร้าง และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำมาใช้ในพื้นที่บริเวณสถานี และใกล้เคียงให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และตรวจสอบระบบไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ การจัดเตรียมให้มีอุปกรณ์ดับเพลิงที่เพียงพอ และพร้อมใช้งานได้ตามปกติ รวมทั้งจัดฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน และระงับอัคคีภัยเป็นประจำ นอกจากนี้ ให้ รฟท. ร่วมกับบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ดำเนินการตรวจสอบ และซ่อมบำรุงระบบแจ้งเตือนเพลิงไหม้ และอุปกรณ์ดับเพลิงให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ประตูรถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดบริเวณสถานีลาดปลาเค้า (PK18) เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 รฟม.ได้กำชับผู้รับสัมปทานให้วางแนวทางแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก โดยกำชับขบวนรถโดยสารต้องจอดเข้าสถานีทั้งหมด 100% จึงจะเปิดประตูห้องโดยสารได้เท่านั้น อีกทั้งห้ามไม่ให้ควบคุมสถานการณ์โดยบุคคล แต่ให้บริหารจัดการด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมมีแนวทางในการจัดทำสมุดพกในการบันทึกเหตุการณ์ให้บริการต่างๆ ซึ่งหากพบว่าผู้ประกอบการกระทำผิดสัญญาจะมีการหักคะแนนและท้ายที่สุดอาจเป็นผลต่อการคัดเลือกเข้าร่วมประกวดราคา ส่วนปัจจุบันตามสัญญา รฟม.สามารถติดตามการให้บริการของเอกชนผู้รับสัมปทาน หากพบว่าบริการกระทบต่อผู้โดยสาร จะสามารถประเมินหักเงินสนับสนุน 5% ตามสัญญา โดยจะมีการประเมิน KPI ทุกๆ ปี แบ่งเป็น รถไฟฟ้าสายสีชมพูในเดือนช่วงธันวาคมของทุกปี และรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์