ดัชนีความ (ไม่) เชื่อมั่น ประเทศไทยต้องฟันฝ่า

ดัชนีความ (ไม่) เชื่อมั่น ประเทศไทยต้องฟันฝ่า

การเจริญเติบโตเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็น K-Shape หรือเป็นพีระมิด คือช่วงบนโต คนที่รวยแล้วก็คือรวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็คือจนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากช่วงของวิกฤติโควิด ทําให้เห็นชัดขึ้นว่าในสังคมไทย การลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนค่อนข้างต่ำอยู่แค่ 1% เท่านั้น

ไม่อยากเขียนเรื่องร้ายๆ ทำลายขวัญและกำลังใจ แต่บางเรื่องต้องแจ้งไว้เพื่อให้รับมือกันทันดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน มิ.ย. 2567 สำรวจโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า อยู่ที่ 58.9 ลดลงจาก 60.5 ในเดือน พ.ค. 2567 โดยปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2566 เป็นต้นมา ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 52.6 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 56.1 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 67.9 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในรอบ 10 เดือนทุกรายการ

หันไปดูทวิตเตอร์ของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน เป็นไปในทิศทางคล้ายๆ กัน “การเจริญเติบโตเศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็น K-Shape หรือเป็นพีระมิด คือช่วงบนโต คนที่รวยแล้วก็คือรวยอีก รวยไปเรื่อยๆ คนจนก็คือจนต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากช่วงของวิกฤติโควิด ทําให้เห็นชัดขึ้นว่าในสังคมไทย การลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชนค่อนข้างต่ำอยู่แค่ 1% เท่านั้น ส่งออกก็ติดลบ นําเข้าก็นําเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าวัตถุดิบและพลังงาน นี่เป็นเหตุผลที่ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น และเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมในระยะยาว”

เมื่อพิจารณาสาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือน มิ.ย. 2567 ยังปรับตัวลดลง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยบอกว่า มาจาก 3 สาเหตุหลักคือค่าครองชีพสูงขึ้น กำลังซื้อหดตัว และสาเหตุที่ 3 คือการเมืองไม่นิ่ง คำนี้ได้ยินมาตลอดเมื่อพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจไทย กรณีนี้คือความไม่แน่ใจต่อสถานภาพของนายกฯเศรษฐาที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัย อนาคตผู้นำรัฐบาลยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายลามไปถึงนักลงทุนมาถึงประชาชนในประเทศเป็นเงาตามตัว 

ด้านฟิทช์เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) มองแนวโน้มภาคธุรกิจไทยจากการบรรยายสรุปหัวข้อ Global Financial Market and Thailand's Corporate Credit Outlook ว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของภาครัฐ น่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ รายงานฉบับนี้เหมือนเข้าไปนั่งในใจนายกฯ ทวิตเตอร์ส่วนหนึ่งระบุว่า ไทยจะทิ้งการท่องเที่ยวไม่ได้ เพราะยังเป็นตัวแบกเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบันและปีหน้านี้ จึงเป็นที่มาของการโปรโมตการท่องเที่ยว ดึงดูดเงินต่างชาติเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเป็นยาแรงที่มากอบกู้เศรษฐกิจในภาคการบริโภคเชื่อมโยงไปสู่ภาคการผลิต 

ท่ามกลางข่าวร้ายประเดประดังมีข่าวเล็กๆ ให้ชื่นใจนิดหน่อย นางฟรานซิส แอดัมสัน ผู้สำเร็จราชการประจำรัฐเซาท์ออสเตรเลียมาเยือนไทยหารือเศรษฐกิจการลงทุน Datuk Seri Reezal Merican Naina Merican ประธานบรรษัทพัฒนาการค้าต่างประเทศของมาเลเซีย (MATRADE)  มาร่วมงาน Malaysian International Healthcare Forum ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทั้งสองเห็นตรงกันเรื่องโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยการมีทิศทางนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลอย่างไรเสียก็ไปต่อได้ ในเมื่อชาวต่างชาติยังมองเห็นโอกาส คนไทยอย่าเพิ่งท้อแท้ ตอนนี้ฮึบๆ สูดหายใจลึกๆ เข้าไว้ศึกนี้ยังอีกยาวไกล