‘การบินไทย’ จ่อยื่นไฟลิ่งเพิ่มทุน ก.ย.นี้ ตั้งเป้าออกแผนฟื้นฟูต้นปี 68
“การบินไทย” เตรียมยื่นไฟลิ่ง ก.ย.นี้ เปิดแปลงหนี้เป็นทุน - ขายหุ้นเพิ่มทุน ดันออกจากแผนฟื้นฟูไตรมาส 2 ปีหน้า เผยเงินสดในมือพุ่ง 8 หมื่นล้านบาท มั่นใจปีนี้โกยรายได้ 1.8 แสนล้านบาท ผู้โดยสาร 15 ล้านคน ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 รายได้รวม 43,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7%
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการผู้บริหารแผนฯ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ โดยระบุว่า ขณะนี้บริษัท อยู่ระหว่างการเตรียมแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งประกอบด้วย 1.การแปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 100 เป็นทุน ของเจ้าหนี้กลุ่ม 4 ซึ่งรวมถึงเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ได้แก่ กระทรวงการคลัง
รวมไปถึงการแปลงหนี้ในสัดส่วนร้อยละ 24.50 ของมูลหนี้เป็นทุน ของเจ้าหนี้กลุ่ม 5 (สถาบันการเงินที่มีสิทธิตามสัญญาโอนสิทธิในการรับเงินจากการขายเครื่องบิน) เจ้าหนี้กลุ่ม 6 (สถาบันการเงินไม่มีประกัน) และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18-31 (เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้) นอกจากนี้ ยังมีสิทธิแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมจากร้อยละ 24.50 ที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการในส่วนของเจ้าหนี้กลุ่ม 4 5 6 และ 18-31 ข้างต้น
และ 2.การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานบริษัท และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงตามลำดับ โดยคาดว่าบริษัท จะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) สำหรับการปรับโครงสร้างทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ภายในเดือนก.ย. 2567
หลังจากนั้น จะเข้าสู่กระบวนการใช้สิทธิ และแจ้งเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมของเจ้าหนี้แต่ละกลุ่ม คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนพ.ย.2567 และกระบวนการเสนอขาย และจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสำหรับผู้ถือหุ้นก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานบริษัท และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธ.ค.2567 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับกระบวนการจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของบริษัท และที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงระยะเวลาในการพิจารณาให้หนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้ของ ก.ล.ต.
โดยบริษัท คาดว่าจะสามารถดำเนินการปรับโครงสร้างทุนให้แล้วเสร็จได้ภายใน 31 ธ.ค.2567 ตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์ให้งบการเงินประจำปี 2567 ของบริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขความสำเร็จของการฟื้นฟูกิจการ หลังจากนั้นบริษัท คาดว่าจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ และหุ้นของบริษัท กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี บริษัทได้ชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 4,644 ล้านบาท จากหนี้ที่ครบกำหนดชำระทั้งปีจำนวน 13,022 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ยังมีหนี้ที่ต้องชำระอีกประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ในกลุ่มต่างๆ ที่ครบกำหนดชำระตามแผนฟื้นฟูกำหนด แต่อย่างไรก็ดี บริษัท ประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจยังมีแนวโน้มดี และจะสามารถทำรายได้ตามแผนกำหนด เห็นได้จากยอดจองการเดินทางล่วงหน้าในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ทำให้เป้าหมายปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำรายได้ถึง 1.8 แสนล้านบาท และมีจำนวนผู้โดยสารรวม 15 ล้านคน
“ตอนนี้เรามีแคชโฟว์เงินสดในมือถึง 8 หมื่นล้านบาท และยังมีแนวโน้มที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้การบินไทยออกจากแผนฟื้นฟู และยังมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง“
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 43,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 37,381 ล้านบาท แต่ลดลง 4.3% จากไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นไปตามปกติของธุรกิจที่ไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ปริมาณความต้องการเดินทางอยู่ในระดับต่ำที่สุดของปี
โดยบริษัท ได้กลับมาทำการบินสู่เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี และกรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทาง และพัฒนาความร่วมมือกับสายการบินคูเวตแอร์เวย์ส ในรูปแบบเที่ยวบินรหัสร่วม (Codeshare) เชื่อมต่อเครือข่ายไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและยุโรป ทำให้มีผู้โดยสารรวมในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 จำนวน 3.81 ล้านคน และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 73.2%
ทั้งนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 38,056 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 32.1% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามปริมาณการผลิต และการขนส่งที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 5,925 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2 ปี 2566 ที่มีกำไร 8,576 ล้านบาท บริษัท และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 4,796 ล้านบาท และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายรวม 809 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 314 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,273 ล้านบาท โดยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน 4,401 ล้านบาท
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 89,936 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 14.0% มีค่าใช้จ่ายที่ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 72,935 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 27.3% มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 17,001 ล้านบาท ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 21.3% มีต้นทุนทางการเงินซึ่งเป็นการรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) จำนวน 9,403 ล้านบาท
และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่ส่วนใหญ่มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และการด้อยค่าสินทรัพย์เป็นค่าใช้จ่ายรวม 4,847 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 2,738 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 14,795 ล้านบาท และมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบิน 18,402 ล้านบาท โดยมี EBITDA สูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ ในขณะที่กำไรสุทธิต่ำกว่างบประมาณเล็กน้อย อันเป็นผลมาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้น
ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 บริษัทมีเครื่องบินที่ใช้ทำการบินทั้งสิ้น 77 ลำ มีอัตราการใช้เครื่องบินในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 เฉลี่ย 13.0 ชั่วโมงต่อวัน มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.6% ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) เพิ่มขึ้น 10.9% อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 78.1% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 81.4% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวม 7.68 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.81 ล้านคน หรือคิดเป็น 11.8%
บริษัท และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 270,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 จำนวน 31,535 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 310,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 จำนวน 28,823 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และบริษัทย่อยติดลบจำนวน 40,430 ล้านบาท ติดลบลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 จำนวน 2,712 ล้านบาท มีเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ณ วันที่ 30 มิ.ย.2567 จำนวน 81,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,618 ล้านบาท จาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์