คุม“สินค้าสำเร็จรูป” ทางรอดคนตัวเล็ก
“ไม่ซื่อสัตย์สุจริต,ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง” กลายเป็นที่มาของคะแนน 5:4 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ “เศรษฐา ทวีสิน”พ้นตำแหน่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5) เหตุเป็นบุคคลที่กระทําการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นผลให้คณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะจากนี้ไป “รัฐบาล” กลับเข้าสู่โหมดเซ็ตซีโร่ พรรคการเมืองจับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 6 คนเข้าสู่สนามการแข่งขันอีกครั้ง
หุ้นร่วงรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที เอสเอ็มอีไทยก็กำลังร่อแร่จากการถูกสินค้าจีนเข้ามาทำตลาดในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าสำเร็จรูปที่นำไปประกอบเพื่อใช้งาน อย่างเช่นสินค้าเหล็กโครงสร้างสำเร็จรูปที่นำเข้าจากจีน แม้จะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของอาคาร และชีวิตผู้คน แต่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.)ยังไม่มีการบังคับใช้มาตรฐานเครื่องหมายมอก.ไม่มีหลักประกันว่า “สินค้าสำเร็จรูป” ที่สั่งนำเข้ามาใช้นั้นจะปลอดภัย นอกจากจะกระทบกับผู้บริโภคไปเต็มๆแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการภายในประเทศอีกระลอกจากที่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเหล็กในไทย
ปัจจุบันมาตรฐาน มอก.มีผลบังคับใช้กับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้เช่น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วง เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น,กลุ่มวัสดุก่อสร้างเช่น เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ ท่อพีวีซี และวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้ในอาคารและโครงสร้างต่าง ๆกลุ่มยางรถยนต์ สำหรับรถยนต์นั่ง รถบรรทุก และรถจักรยานยนต์, ของเล่นเด็กที่ผลิตสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ,หมวกกันน็อคสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องปรุงต่างๆ และมีบทลงโทษผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีเครื่องหมายมอก.
ที่ผ่านมามีความพยายามเรียกร้องให้สมอ.เพิ่มการควบคุมสินค้าสำเร็จรูป ว่ากันว่าขั้นตอนนี้ใช้เวลาไม่ต่างจากขบวนการออกกฎหมาย ซึ่งอาจจะใช้เวลาร่วมปี ขณะที่ “สินค้าสำเร็จรูป” อีกหลายรายการตั้งขบวนพาเหรดพร้อมเดินทางเข้าประเทศไทย โดยที่ไม่มีอะไรขวางกั้นได้ หากทอดเวลาออกไปมูลค่าไทยขาดดุลการค้าจีนจะเพิ่มขึ้นอีกได้ จากปี 2566 มีมูลค่าการค้า 3,649,673 ล้านบาท
ไทยส่งออกไปจีน 1,176,889 ล้านบาท ไทยนำเข้าจากจีน 2,472,784 ล้านบาท ไทยขาดดุลการค้า 1,295,895 ล้านบาท
ได้แต่หวังว่าการทำงานของสมอ.ที่จะเพิ่มการควบคุม “สินค้าสำเร็จรูป” จะเดินคู่ขนานไปกับการฟอร์มรัฐบาล เพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานสินค้าต่างๆที่ขายทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นกรณีผู้ประกอบการไทยที่นำเข้าสินค้าจากจีนมาจำหน่าย เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าที่ผลิตภายในประเทศอย่างเช่น “ชามตราไก่” ที่สามารถขายในราคาถูกกว่าผู้ผลิตในประเทศ เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อ หรือบางธุรกิจอาจจะมีผู้ประกอบการไทยร่วมทุนกับจีนซึ่งเป็นการเอาตัวรอดของเอสเอ็มอีในยุคเศรษฐกิจฝืดแทนที่จะต้องปิดกิจการ