ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จี้รัฐสกัดสินค้านำเข้า
ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรก ในรอบ 4 เดือน ชี้รัฐเร่งอุดช่องโหว่ สินค้า ตปท. ราคาถูก ทะลักเข้าประเทศ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 89.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 87.2 ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตามการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยา เครื่องสำอาง
ขณะที่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และการใช้จ่ายภาครัฐทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นและส่งผลดีต่อสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง ขณะเดียวกันการขอรับการส่งเสริมการลงทุนขยายตัวต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม – มิถุนายน 2567) มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 458,359 ล้านบาท ขยายตัว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงโลว์ซีซันของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม ยังมีปัจจัยลบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งยังกดดันการบริโภคในประเทศ เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศ และยอดส่งออกรถยนต์ในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม – มิถุนายน 2567) ที่หดตัว 24.16% และ 1.85 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ ขณะเดียวกันในด้านการส่งออกชะลอตัวลงโดยเฉพาะสินค้าคงทนประเภทเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น อัญมณี และเครื่องประดับ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าระวางเรือ และค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มต่างๆ (Surcharge)
จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,323 ราย ครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนกรกฎาคม 2567 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 66.8% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 58.7% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 37.9% ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 61.2% ราคาน้ำมัน 60.6% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 57.1% ตามลำดับ
ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 95.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 93.4 ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet แต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังห่วงกังวล ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของภาคการส่งออก ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน
ทั้งนี้ ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ แบ่งเป็น
1. เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร และอุปกรณ์ เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมทั้งส่งเสริมระบบบริหารจัดการพลังงานในภาคขนส่ง อาทิ สนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงาน และลดต้นทุนในอุตสาหกรรม SME (ENERGY POINTS 3)
2. เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการกำหนดดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูก และสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ
3. เสนอให้ภาครัฐกำหนดเงื่อนไขการซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้า Made in Thailand ใน โครงการ Digital Wallet เพื่อสร้างโอกาส และทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจของผู้ประกอบการไทย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์