‘แพทองธาร’ เล็งกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ลุยปราบยาเสพติด-Soft Power - 30 บาท
“แพทองธาร” รับตำแหน่งนายกฯ เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก.ย.นี้ เดินหน้า 4 นโยบายหลัก กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซอฟต์พาวเวอร์ ปราบยาเสพติด 30 บาท รักษาทุกที่ สานต่อ 3 นโยบายเศรษฐา “เงินดิจิทัล-กาสิโน-แลนด์บริดจ์” ดิจิทัลวอลเล็ตต้องรอบคอบ ยึด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
KEY
POINTS
- “แพทองธาร” รับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 31 อย่างเป็นทางการ เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก.ย.นี้
- ในการแถลงข่าวของนายกฯ คนใหม่เตรียมเดินหน้า 4 นโยบายหลัก กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซอฟต์พาวเวอร์ ปราบปรามยาเสพติด 30 บาท รักษาทุกที่
- ส่วนนโยบายที่จะสานต่อจากรัฐบาลเศรษฐา 3 นโยบายต้องจับตา “เงินดิจิทัล-กาสิโน-แลนด์บริดจ์”
- ส่วนการทำดิจิทัลวอลเล็ตนายกฯ ยันต้องพิจารณาข้อกฎหมายดิจิทัลวอลเล็ตให้รอบคอบ ยึด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง
วานนี้ (18 ส.ค.67) เวลาตามฤกษ์ 09.29 น. มีพิธีการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 โดยมีสมาชิกครอบครัวเข้าร่วม อาทิ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี , คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ , นายพานทองแท้ ชินวัตร , น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพิธีครั้งนี้ด้วย
ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้อัญเชิญพระบรมราชโองการฯ เมื่อเดินทางมาถึง ได้อ่านพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
เมื่อเสร็จสิ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวหลังรับสนองพระบรมราชโองการ ว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งให้ดิฉัน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นเกียรติยศ และเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแก่ชีวิต
“ดิฉัน ครอบครัว และพรรคเพื่อไทย สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น ทั้งจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังด้วยความจงรักภักดี ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ และประชาชน สนองพระราชปณิธานตามพระปฐมบรมราชโองการ และตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกประการ”
รวมทั้งขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เชื่อมั่น และความไว้วางใจให้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ที่มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะนำพาประเทศเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า 3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา จะทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเปิดพื้นที่รับฟังทุกความเห็นเพื่อร่วมพัฒนาประเทศ โดยภารกิจยิ่งใหญ่ไม่อาจสำเร็จด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีคนเดียวจึงจะประสานพลังคนทุกรุ่น ประสานพลังบุคคลที่มีความสามารถในประเทศจากทุกภาคส่วนทั้ง ครม.พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชน และประชาชน
“ดิฉันจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ และทักษะคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินเป็นพื้นที่ให้คนไทยกล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้เป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”
พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
จากนั้น น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวอีกว่า มีความตั้งใจผลักดันนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ปัญหายาเสพติด หรือระบบสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกที่ และแน่นอน ยังจะผลักดันไทยแลนด์ซอฟต์พาวเวอร์ อย่างต่อเนื่อง
“ดิฉันมีความตั้งใจที่จะร่วมงานกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันนโยบายเหล่านี้ให้สำเร็จ ขอให้ทุกท่านติดตามการแถลงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมในเดือนก.ย.นี้”
น.ส.แพทองธาร ตอบคำถามประเด็น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยังเป็นนโยบายเรือธงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หลังจากที่ผ่านมามีประเด็นข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งให้ล้มโครงการ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ไม่ได้สั่งให้ล้มดิจิทัลวอลเล็ต เพราะไม่ว่าจะนโยบายอะไรต้องปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้แยกบทบาทนิดนึง เข้าใจดีว่านายทักษิณคงไม่สามารถลบภาพทางการเมืองได้ เพราะเป็นคนที่หลายคนในที่นี้เคารพนับถือ เพราะฉะนั้นอาจมีคนขอคำปรึกษาตามประสบการณ์ที่ท่านมี”
ทั้งนี้ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเริ่มจากความตั้งใจกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แน่นอนว่าปีที่แล้วที่หาเสียงเลือกตั้งโดยใช้ดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ได้ศึกษา และสังเคราะห์นโยบายมาอย่างดี และช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมาย และสภาพเศรษฐกิจประเทศเปลี่ยนแปลงไป
“จะศึกษา และรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม แน่นอนว่าต้องอยู่ในระเบียบของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง นี่คือสิ่งที่ต้องทำแต่ในเนื้อหารายละเอียดต้องมีความชัดเจน และได้ฟังความคิดเห็นต่อเนื่อง”
“แพทองธาร” เดินหน้าต่อ 4 นโยบาย
ทั้งนี้ จากคำแถลงของ น.ส.แพทองธาร สรุปได้ว่านโยบายรัฐบาลมีความแน่นอนที่จะดำเนินการต่อมี 4 นโยบาย ประกอบด้วย
1.นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่จะประกาศออกมาในช่วงแรกของการเข้าบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน โดยต้องติดตามดูว่ารัฐบาลใหม่จะใช้แนวทางใดหลังจากรัฐบาลชุดที่แล้วจะใช้ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
2.นโยบายการปราบปรามยาเสพติดต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่ใช้นโยบาย “ปราบปราม รักษา ฟื้นฟู ดูแล” รวมทั้งนโยบายการปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายที่เคยประสบความสำเร็จในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
3.นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่จะเป็นอีกนโยบายที่รัฐบาลใหม่จะสานต่อ โดยเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ รวมทั้งในรัฐบาลเศรษฐาได้ยกระดับให้ผู้ใช้บริการไม่จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลตามสิทธิที่กำหนดตามทะเบียนบ้าน ซึ่งนำร่องหลายจังหวัดเพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกในการเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐได้ทุกที่
4.นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นนโยบายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้เข้ามาเที่ยว มาทำงาน และมาใช้ชีวิตในไทย โดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาผลักดัน 11 ด้านได้แก่ เฟสติวัล , ท่องเที่ยว , อาหาร , ศิลปะ , การออกแบบ , กีฬา , ดนตรี , หนังสือ , ภาพยนตร์ , แฟชั่น และเกม
รวมทั้งอยู่ระหว่างการยกร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเป็นการตั้งThailand Creative Content Agency (THACCA )โดยมีแผนเดินหน้านโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ซึ่งครอบคลุมการ Up-skill และ Re-skill
ลุ้น 3 นโยบายสานต่อรัฐบาลเศรษฐา
ส่วนนโยบายที่รัฐบาลเศรษฐา เริ่มต้นไว้แต่ยังดำเนินการไม่สำเร็จ ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนที่รัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการต่อ โดยอยู่ในขั้นตอนการสรุปข้อมูลว่าจะดำเนินการต่อหรือไม่ เพื่อจัดทำร่างนโยบายรัฐบาล ประกอบด้วย 3 นโยบาย คือ
1.นโยบายเติมเงิน 10,000 บาทในกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจและพยายามหาแหล่งเงินมาดำเนิน และปรับเปลี่ยนรูปแบบโครงการมาต่อเนื่อง โดยเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันที่ 1 ส.ค.-15 ก.ย.2567 ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียน 28 ล้านคน โดยที่ผ่านมาเลื่อนกรอบเวลาแจกจากเดือน ก.พ.2567 เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 และล่าสุดขยับเป็นไตรมาส 4 ปี 2567
สำหรับนโยบายนี้ขับเคลื่อนยากทั้งประเด็นกฎหมายการเงินการคลัง วิธีการงบประมาณ รวมทั้งการวางระบบยืนยันตัวตน และระบบธุรกรรมการเงินขนาดใหญ่ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จโดยมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะทบทวนนโยบายนี้ว่าจะเดินหน้าต่อหรือจะทำโครงการอื่นแทนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
2.นโยบายแลนด์บริดจ์หรือโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามัน โดยเป็นนโยบายที่รัฐบาลผลักดันเพื่อให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ล่าสุดสำนักงานนโยบาย และแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ระบุถึงบริษัทต่างชาติและบริษัทไทยสนใจลงทุนเช่น จีน ดูไบ สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย โดยเห็นด้วยกับแผนพัฒนา และเห็นว่าพัฒนาเขตอุตสาหกรรมจะทำให้แลนด์บริดจ์สำเร็จมากขึ้น
ทั้งนี้ สนข.ได้รับงบประมาณปี 2568 จ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษารายละเอียดเพื่อประกวดราคาคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และจะเปิดประมูลได้ปลายปี 2568 ซึ่งดำเนินการควบคู่การยกร่างพ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (พ.ร.บ.SEC) คาดว่ามีผลบังคับใช้ต้นปี 2568
“กาสิโน” เปิดรับฟังความเห็นแล้ว
3.นโยบายธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรครบวงจร (Entertainment Complex) โดย ครม.ชุดที่แล้วเห็นชอบในหลักการตั้งแต่เดือนเม.ย.2567 และให้กระทรวงการคลังจัดทำร่างกฎหมาย ควบคู่ข้อเสนอคณะกรรมาธิการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ
ล่าสุดกระทรวงการคลังเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.-18 ส.ค.2567 โดยร่างกฎหมายครอบคลุมหลายส่วน และมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับ “Fun Economy”
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจรกำหนดให้ “สถานบันเทิงครบวงจร” เป็นการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.หลายประเภทร่วมกับกาสิโน โดยมีเป้าหมายให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่
ขณะที่ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งจดทะเบียนในไทย และมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีการลงทุนหลายแสนล้านบาทหากมีการผ่านกฎหมายฉบับนี้สำเร็จ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์