อาลัย 'ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์' นักเศรษฐศาสตร์ TDRI ผู้ขับเคลื่อนประเทศ

อาลัย 'ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์' นักเศรษฐศาสตร์ TDRI ผู้ขับเคลื่อนประเทศ

"ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์" อดีตประธาน TDRI อดีต รมว.คลัง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2567 บำเพ็ญกุศลที่วัดธาตุทอง

แหล่งข่าวจากสถาบันวิจับเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า นายฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ อดีตประธาน TDRI เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2567 และจะมีการบำเพ็ญกุศลที่วัดธาตุทอง ศาลา 6 กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.2567   

ทั้งนี้ TDRI สรุปประวัตินายฉลองภพ จบการศึกษาปริญญาตรีถึงปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ และหลังจบการศึกษาได้เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเบิร์คเลย์ สหรัฐ ระหว่างปี 2520-2522 หลังจากนั้นเป็นนักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารโลก ที่กรุงวอชิงตัน 6 ปี ก่อนกลับมาทำงานที่ TDRI ในปี 2528

นายฉลองภพ ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน TDRI เมื่อปี 2539 และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดือน มี.ค.2550 ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเมื่อพ้นตำแหน่งในปี 2551 ได้กลับมาทำงานที่ TDRI   

นายฉลองภพ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ โดยได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ ปี 2547 
 

นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง TDRI โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค Somchai Jitsuchon เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2567 ว่า "ขอให้ อ.เดินทางไกลไปสู่อีกภพภูมิที่ดีกว่า และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว อ.เป็นอย่างยิ่งครับ"   

นายสมชัย ระบุว่า "ผมทำงานภายใต้ อ.ฉลองภพตั้งแต่ day 1 ที่มาทำ TDRI ยังมีภาพจำติดหัวมาถึงทุกวันนี้ว่า 'คนอะไรทำไมฉลาดจัง' ตอน อ.อธิบายการทำตารางบัญชีเมตริกซ์สังคม (social accounting matrix, SAM, เอาไปสร้างเป็น CGE ต่อ) เหมือน อ.มีตัวเลข national income ทุกตัวอยู่ในหัว ยังนึกไม่ออกว่า อ.ทำได้ยังไง"

ความทรงจำคือตอนร่วมกันทำ year-end paper พวกลูกทีมอย่างผมก็จะคอย support ข้อมูลให้ อ.เป็นระยะในช่วง 1-2 อาทิตย์ก่อนวันงาน แล้วพอถึง 2-3 วันก่อนวันงาน อ.ก็จะนั่งพิมพ์รายงานรวดเดียว

บ่อยครั้งพิมพ์ทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าตี 4 ตี 5 (มักจะวันเกือบสุดท้าย) พวกผมก็นั่งฟังเสียงเคาะแป้นพิมพ์อยู่นอกห้อง อ.ที่ตึกรัชภาคต์ ที่ดังต่อเนื่องตลอดเวลา ลุ้นว่าเมื่อไรเสียงเคาะจะหยุด (แสดงว่ารายงานเขียนเสร็จ)

และพอ อ.เดินออกจากห้องแล้วส่งไฟล์ให้พวกเราเอาไปจัดพิมพ์ อ.ก็จะเดินกลับบ้าน (ตัวตรงดิ๊กแบบสไตล์แก) แล้วหันมาบอกว่า 'ขอบคุณนะ' ซึ่งพวกเราคุยกันว่าในหนึ่งปีจะได้ยิน อ.พูดก็ครั้งนั้น เพราะแกไม่ชอบพูดมาก

อ.ฉลองภพพูดน้อยโดยปกติ มักพูดไม่กี่ประโยคก็เดินจากไป ทำให้เมื่อครั้งที่ อ.เกลี้ยกล่อมให้ผมยอมรับทุน TDRI ไปเรียนต่อเอก (ซึ่งตอนแรกผมไม่อยากรับ เพราะไม่ชอบไอเดียว่าต้องมี phd ถึงจะประสบความสำเร็จได้) ซึ่ง อ.พูดกับผมเกือบ 2 ชม.เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมยอมไปเพราะเห็นความพยายามของท่าน

เมื่อครั้ง อ.ให้ผมเดินทางไป norway ด้วยเพื่อร่วมนำเสนองานวิชาการทั้งที่ผมยัง junior มาก (เป็น trip ต่างประเทศแรกของผม) จำได้ว่าหนาวมากกกกก หนาวจนหูกับจมูกแทบหลุด อ.ยังมาแซวผมภายหลังบ่อย ๆ ว่าเห็นผมยืนตัวสั่นงันงก น่าสงสาร...

จำได้อีกเรื่องคือ พอผมทำงานกับ อ.ฉลองภพ ได้สักพัก คนใน TDRI ยุคนั้นก็เริ่มเรียกผมว่า 'ฉลองภพน้อย' ทำเอาปลึ้มเล็ก ๆ ไปเลย

ด้วย profile อ.ที่เลิศมาก ทำให้ตอนกลับมาทำงานในไทยใหม่ ๆ คนในวงการจะจับตามอง อ.มาก ทั้งที่สภาพัฒน์ ธปท. ฯลฯ จำได้ว่า อ.ไปประชุมที่ ธปท. ช่วงนั้น บริหารระดับสูงของ ธปท.จะเดินมาคุยกับ อ.เป็นระยะ

อ.เป็นอีกหนึ่ง 'ขุนพล' ทีทำให้ TDRI เป็นที่รู้จักและนับถือในแวดวงวิชาการทั้งในและต่างประเทศ (โดยเฉพาะต่างประเทศช่วงนั้นรู้จักแต่ TDRI เลย) ควบคู่กับ อ.อัมมาร อ.วีระพงษ์ อ.อาณัติ

"ยังมีเรื่องให้ระลึกถึงอีกมากครับ ขอให้ อ.เดินทางไกลไปสู่อีกภพภูมิที่ดีกว่า และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว อ.เป็นอย่างยิ่งครับ"