‘ราชตฤณมัยฯ’ ผนึก ‘พาร์ทเนอร์’ ทุ่ม 2 แสนล้าน ลุยสถานบันเทิงครบวงจร

‘ราชตฤณมัยฯ’ ผนึก ‘พาร์ทเนอร์’ ทุ่ม 2 แสนล้าน ลุยสถานบันเทิงครบวงจร

‘ราชตฤณมัยสมาคมฯ’ ประกาศลุยสถานบันเทิงครบวงจร ปักหมุด กทม.ภายใต้ชื่อ “The Royal Siam Haven” ดึงภาคเอกชน "รอแยล สปอร์ต คอมเพลกซ์" เป็นพาร์ทเนอร์ร่วมขับเคลื่อนหลัก ทุ่มงบ 2 แสนล้าน ยกระดับสนามม้าไทยสู่สากล อันดับหนึ่งในเอเชีย ส่วน 'กาสิโน' ยังต้องรอการพิจารณาของกฎหมาย

การประกาศเปิดตัวโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ "ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2567 ในระหว่างการประชุมวาระครบรอบ 108 ปี ที่จะสร้าง Entertainment Complex หรือ สถานบันเทิงครบวงจร ภายใต้ชื่อ “The Royal Siam Haven” มูลค่าลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท 

กลายเป็นประเด็นที่จับตามองว่า สมาคมฯ จะเป็นหนึ่งในผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจรตามแผนของรัฐบาล ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….ให้สามารถประกอบกิจการกาสิโนถูกกฎหมายไม่เกิน 10% ของพื้นที่ทั้งหมด

จุดเริ่มพัฒนาสนามม้าสู่สถานบันเทิง

นายอริย์ธัช รัตนศุทธพบูลย์ รองประธานอำนวยการและนายสนามราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ที่มาโครงการ The Royal Siam Haven เกิดจากการพูดคุยกันภายในกับสมาชิก และชมรมผู้เลี้ยงม้าในประเทศไทย ซึ่งยอมรับว่า สนามแข่งม้าลักษณะเดิมไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป ทำให้ที่ผ่านมาไทยไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์และเพาะพันธุ์ม้า หลังการจัดแข่งม้าครั้งสุดท้ายในปี 2561 ที่สนามม้านางเลิ้ง ก่อนส่งมอบที่ดินบริเวณดังกล่าวคืนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ดังนั้น เมื่อสมาคมฯ ต้องการฟื้นคืนการทำสนามแข่งม้า เพื่อให้มีการสานต่ออาชีพของผู้เลี้ยงม้าและการพัฒนาสายพันธุ์ม้าในประเทศ จึงเกิดแนวคิดว่า จะต้องสร้างจุดสนใจอื่นเพิ่มเติมจึงนำไปสู่การสร้างสถานบันเทิงอย่างครบวงจร

“สถานที่ที่เราต้องการจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าการสร้างสนามม้าแบบเดิม และต้องอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ไม่มากนัก อาจเป็นพื้นที่คลองเตย ลาดกระบัง หรือหนองจอก โดยขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยและหารือรายละเอียดของแผนลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์ อย่างไรก็ตามวันนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าจะเป็นที่ใด”

โดยองค์ประกอบของโครงการสถานบันเทิงครบวงจร ในเฟสแรกจะประกอบด้วยสนามม้า โรงแรมระดับ 6 ดาว สนามกอล์ฟ ภัตตาคาร โรงละครกิจกรรมกีฬา ลานคอนเสิร์ต ศูนย์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม แหล่งชอปปิง และในเฟสต่อไป จะเป็นพื้นที่สำหรับเวลเนส การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และโรงพยาบาล

ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นแหล่งรองรับนักท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะสมาชิกของสมาคมฯ จากทั่วโลกราว 50,000 คน รวมทั้งคนไทยที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้

รอกฎหมายเปิดพื้นที่ กาสิโน

นายอริย์ธัช กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่กาสิโนนั้นยังต้องรอการพิจารณาของกฎหมายและต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรที่วางแนวคิดไว้สามารถเดินหน้าได้เลย ซึ่งถ้ากฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อใด หากในอนาคตจะมีการลงทุนเพิ่มในส่วนนั้นก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการในครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกและมีการตื่นตัวและเตรียมพร้อม เนื่องจากการเตรียมม้าแข่งจะต้องใช้เวลากว่า 3 ปี ขณะที่ส่วนหนึ่งมีความเห็นต่างที่มองว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นการเชื่อมโยงกับสร้างกาสิโนเป็นหลัก อย่างไรก็ดีมองว่าการลงทุนในสถานบันเทิงครบวงจรมีเป้าหมายที่มากกว่านั้น 

โดยการดำเนินงาน ”The Royal Siam Haven” จะมีภาคเอกชนเป็นหลักในการขับเคลื่อนโครงการภายใต้ชื่อ บริษัท รอแยล สปอร์ต คอมเพลกซ์ จำกัด หรือ RSC ซึ่งเป็น Partner ร่วมกับราชตฤณมัยสมาคมฯ 

นายอริย์ธัช กล่าวอธิบายว่า การจัดตั้งบริษัทเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้พูดคุยกับพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจคอนเซปต์ในการพัฒนาโครงการไปในแนวทางเดียวกัน ด้วยทุนจดทะเบียน 5 แสนบาท ขณะที่แผนการลงทุนอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนและวัตถุประสงค์ภายหลังจากที่ได้ข้อสรุปของโครงการลงทุนร่วมกับพาร์ทเนอร์ภายใน 90 วันหลังการลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู)

เปิดกว้างพาร์ทเนอร์ร่วมลงทุน

นายปฐวี สุรินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท รอแยล สปอร์ต คอมเพลกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีการเซ็นเอ็มโอยูกับพาร์ทเนอร์หนึ่งรายจากเกาหลีใต้ ในการวางแผนการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร มูลค่า 2 แสนล้านบาท พร้อมทั้งยังเปิดกว้างในการเจรจาร่วมกับพาร์ทเนอร์จากต่างประเทศรายอื่นๆ ที่สนใจ โดยเบื้องต้นยังไม่มีการเชิญชวนกลุ่มนักลงทุนในประเทศ เนื่องจากต้องการให้เป็นการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาหมุนเวียนในไทย

ทั้งนี้ โครงการ “The Royal Siam Haven” ถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งยังเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของสนามม้าไทยสู่มาตรฐานสากลและเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย

โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นเหมือนการสร้างเมืองใหม่ที่จะมีการพัฒนาเป็นสมาร์ตซิตี้ สปอร์ตคอมเพล็กซ์ โดยจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่สำหรับการรับชมม้าแข่ง รวมทั้งมีการใช้พลังงานสะอาด 100% ภายในโครงการ 

“การประกาศแผนการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจรแห่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่เป็นการพูดคุยกันมายาวนานในการสรุปคอนเซปต์การลงทุน ซึ่งโครงการนี้เชื่อว่ารัฐบาลก็มองเห็นว่าไทยจำเป็นจะต้องสร้างแหล่งดึงดูดการท่องเที่ยวใหม่”