รู้จักโปรเจกต์ใหม่ สร้อยไข่มุกอ่าวไทย สร้างเกาะเขื่อน ป้องกันน้ำท่วม กทม.

รู้จักโปรเจกต์ใหม่ สร้อยไข่มุกอ่าวไทย สร้างเกาะเขื่อน ป้องกันน้ำท่วม กทม.

ส่องแนวคิดเมกะโปรเจกต์ใหม่ป้องกันน้ำท่วม กทม. – ปริมณฑล เปิดแนวคิดโครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย เล็งสร้างเกาะใหม่ 9 เกาะเชื่อมแนวเขื่อนกั้นน้ำทะเล หากไม่สร้างจะเกิดน้ำท่วมพื้นที่ 1.6 หมื่นตารางกิโลเมตร หวังรัฐบาลเดินหน้าโครงการพื้นที่แรกที่บางขุนเทียนก่อนในรัฐบาลนี้

KEY

POINTS

  • ส่องแนวคิดเมกะโปรเจกต์ใหม่ป้องกันน้ำท่วม กทม. – ปริมณฑล และพื้นที่อื่นๆ กว่า 1.6 หมื่นตารางกิโลเมตร
  • โครงการนี้มีการนำเสนอในช่วงการหาเสียงของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ซึ่งยังไม่ได้ใช้ แต่เริ่มมีการกลับมาพูดถึงหลังการแสดงวิสัยทัศน์ของอดีตนายฯ ทักษิณ
  • รูปแบบโครงการไม่ใช่แค่ถมทะเล แต่เป็นแนวคิดสร้างเกาะ 9 เกาะในอ่าวรูปตัว ก.และสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเลความยาวรวมประมาณ 100 กิโลเมตร และแต่ละเกาะให้สัมปทานเอกชนลงที่ลงทุน 99 ปี
  • "ปลอดประสพ" ชี้รัฐบาลต้องเดินหน้าโครงการเพราะใช้เวลาก่อสร้างถึง 20 ปี หวังเห็นการสร้างเกาะที่บางขุนเทียนเป็นแห่งแรกในรัฐบาลนี้ 

จากภาวะโลกร้อนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความรุนแรงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทั่วโลก และทำให้หลายพื้นที่เสี่ยงเกิดภาวะน้ำท่วมมากขึ้น รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลที่มีความเสี่ยงถูกน้ำท่วมเช่นกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่รัฐบาล และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเริ่มพูดถึงการวางแผนป้องกันน้ำท่วมขนาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 


ก่อนหน้านี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์  บนเวที Vision for Thailand 2024 ว่า “ผมเคยพูดไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ นั่นคือ การถมทะเลบางขุนเทียน ปากน้ำ เพื่อให้ได้พื้นที่ ขยายความแออัดของ กทม. ส่วนหนึ่ง และทำให้เป็นเมืองสีเขียว และเป็นเมืองใหม่ให้รถไฟฟ้าวิ่งเท่านั้น มีรถไฟเชื่อม และป้องกันน้ำท่วม กทม. ได้ เราต้องเตรียมการป้องกันน้ำท่วม กทม.ตั้งแต่วันนี้”

ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหา และป้องกันเพื่อไม่ให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่เป็นปัญหาที่มีความรุนแรงขึ้นทุกปี 

นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การป้องกันน้ำท่วม กทม.และพื้นที่โดยรอบเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยได้มีการวางแผน และศึกษาไว้นานแล้วเพราะพรรคเห็นถึงความจำเป็นในเรื่องนี้ จากผลการศึกษาในภาวะที่โลกร้อนมีความรุนแรงน้ำแข็งขั้วโลกละลายสูงมาก

ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันในองค์การสหประชาชาติ (UN) มาหลายปีแล้วเกี่ยวกับเรื่องที่น้ำทะเลสูงขึ้น และจะมีพื้นที่จำนวนมากที่จมน้ำ เช่นเดียวกับในอ่าวไทยที่น้ำในมหาสมุทร และทะเลจะสูงขึ้น ซึ่งโมเดลที่มีการทำ และในกรณีที่มีภาวะโลกร้อนสูงสุด น้ำแข็งละลายสูงสุดน้ำทะเลในอ่าวไทยจะสูงขึ้นมากขึ้นถึง 5 – 6 เมตร ทำให้น้ำท่วมเข้ามาในพื้นที่ด้านอ่าวตัว ก.บริเวณอ่าวไทยกินพื้นที่การท่วมในพื้นที่ลุ่มมากถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร
ซึ่งแปลว่าอ่าวไทยฝั่งจะขึ้นไปที่ จ.ลพบุรี จ.สระบุรี ทางตอนเหนือ อุทัยธานี จังหวัดที่ถูกน้ำท่วมแน่คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และชลบุรี บางส่วนจะถูกน้ำท่วม

ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่ ที่เราต้องป้องกันซึ่งรัฐบาลก็ต้องมีหน้าที่ ที่จะคิดป้องกันในส่วนนี้เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียกับเศรษฐกิจ และประชาชนมาก 


ทั้งนี้แม้ว่าในระยะเวลาสั้นในช่วง 2 – 5 ปีข้างหน้า การป้องกันสามารถทำเหมือนที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ได้คือ การเสริมพนังกั้น หรืออุดรอยรั่วของพนัง และเขื่อนกั้นน้ำที่มีการสร้างมาก่อนหน้านี้ซึ่งในขณะนี้ กทม.ก็มีการทำอย่างในช่วงที่มีปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้นแต่ในระยะถัดไปเมื่อปริมาณน้ำทะเลหนุนสูงมากขึ้นจากภาวะโลกร้อนการสร้างกำแพงหรือพนังกั้นน้ำไม่สามารถใช้ได้ต้องพิจารณาการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการป้องกันน้ำทะเลท่วมพื้นที่ ซึ่งมีความแข็งแรงและใช้งานต่อไปได้ในระยะยาว

โดยแนวคิดที่ผ่านมาคือ มีการพิจารณาถึงแนวคิดที่หลากหลายทั้งการสร้างประตูระบายน้ำกั้นแม่น้ำขนาดใหญ่ใน 4 แม่น้ำที่ไหลลงทะเลที่อ่าวไทย เพื่อไม่ให้น้ำทะเลหนุนท่วมขึ้นมาตามแม่น้ำสายต่างๆ

แต่แนวคิดนี้ถือว่าเป็นไปได้ยากเพราะในการออกแบบประตูน้ำที่จะใช้ในการปิดแม่น้ำต่างๆ มีข้อจำกัดในการก่อสร้าง และการใช้งานจริง ขณะที่อีกแนวคิดหนึ่งคือ การสร้างฟลัดเวย์โดยการยกระดับถนนเส้นหลักเพื่อเป็นทางกั้น และระบายน้ำที่จะเข้ามาท่วมพื้นที่เศรษฐกิจก็ทำได้ยากมากอีกเช่นกัน เพราะหากจะมีการปิดจราจรในถนนเส้นต่างๆ ที่เป็นเส้นหลักนั้นก็จะเกิดความโกลาหลอย่างมากในการสัญจรไปมา

สร้างเกาะ และเขื่อนกั้นน้ำทะเล ในระยะทาง 100 กิโลเมตร


ดังนั้นทางออกก็คือ สร้างสิ่งปลูกสร้างลงไปในทะเลในลักษณะของเกาะซึ่งเบื้องต้นอาจจะมีเกาะจำนวน 9 เกาะ และให้แต่ละเกาะนั้นมีเขื่อนเป็นแนวกั้นน้ำ และมีประตูเปิด-ปิดได้ซึ่งเกาะแรกจะสร้างในพื้นที่ของชายทะเลบางขุนเทียน จากนั้นจะสร้างเกาะอื่นๆ ไปจนถึงชลบุรี รวมระยะทางตลอดอ่าวตัว ก.ประมาณ 100 กิโลเมตร 

พื้นที่เขื่อน 50 ตารางกิโลเมตรให้สัมปทาน 99 ปี


ทั้งนี้พื้นที่เกาะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดเชื่อมของเขื่อนกั้นน้ำแต่ละเกาะจะมีขนาดประมาณ 50 ตารางกิโลเมตร และสร้างห่างจากชายฝั่งไป 1 กิโลเมตร มีถนนเชื่อมกับพื้นที่ชายฝั่ง โดยแนวความคิดก็คือ เกาะที่สร้างขึ้นนี้เป็นการลงทุนของเอกชน โดยเอกชนที่เข้ามาลงทุนก็จะได้สัมปทานไป อาจจะเป็น 99 ปี ซึ่งสามารถพัฒนาเกาะนี้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวที่จะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ หรือเป็นเมืองใหม่ที่เป็นสมาร์ต ซิตีใช้พลังงานสะอาด ที่จะมีการติดตั้งกังหันลม หรือโซลาร์เซลล์ ก็สามารถที่จะออกแบบได้ โดยเมื่อหมดระยะเวลาสัมปทานแล้วพื้นที่นี้ก็จะเป็นของภาครัฐ ซึ่งแนวความคิดนี้ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งในแง่ของภาครัฐที่ได้โครงสร้างพื้นฐานในการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่ลุ่มในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมทั้งพื้นที่ลุ่มในภาคกลางที่จะถูกน้ำทะเลท่วมถึงได้ในอนาคต 


“โครงการนี้มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่าโครงการสร้อยไข่มุกอ่าวไทย ซึ่งถือว่าโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ใหม่มาก แต่ก็มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจว่าจะเริ่มเดินหน้าได้หรือไม่ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการที่ต้องแข่งกับเวลา เพราะทั้งโครงการจะต้องใช้เวลาสร้างกว่า 20 ปี และจะเป็นโครงการที่ใช้เงินในการก่อสร้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่ประเทศไทย เคยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมา โดยหากสามารถเดินหน้าในพื้นที่แรกคือ เกาะในพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน หากสามารถเริ่มทำได้ก่อนในสมัยรัฐบาลนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป” นายปลอดประสพ กล่าว 

 

อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่าโครงการในลักษณะนี้มีองค์ความรู้อยู่ในหลายประเทศที่มีการสร้างโครงการในลักษณะนี้ เช่น เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เนเธอร์แลนด์ เขตเศรษฐกิจพิเศษ ฮ่องกง ซึ่งหากประเทศไทยประกาศว่าจะทำโครงการในลักษณะนี้ก็สามารถที่จะเปิดให้มีการออกแบบดีไซน์โครงการในลักษณะที่เปิดกว้าง

รวมทั้งเปิดโอกาสให้สถาบันศึกษาในประเทศไทยออกแบบการใช้ประโยชน์บนพื้นที่เกาะต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการใช้องค์ความรู้ต่างๆ ทั้งทางวิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมทางทะเล วิศวกรรมสมุทรศาสตร์ (Oceanic Engineering) มาพัฒนาโครงการนี้ซึ่งจะเกิดประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต  
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์