'เอกนัฏ' สั่งดันสินเชื่อ 'เสือติดปีก-คงกระพัน' ฟื้นสภาพคล่องเอสเอ็มอีไทย
“เอกนัฏ” สั่งการ ก.อุตสาหกรรมเร่งเติมทุนหนุนผู้ประกอบการ ด้วยสินเชื่อ "เสือติดปีก" และ "คงกระพัน" วงเงินกู้รวม 1,900 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำให้ "เอสเอ็มอี" เข้าถึงแหล่งทุนและพัฒนาธุรกิจได้อย่างยั่งยืนฟื้นฟูสภาพคล่อง ยกระดับรายย่อยให้โตอย่างมั่นคง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเผชิญความท้าทายรอบด้าน ส่งผลให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดการคาดการณ์ GDP ปี 2567 เหลือเพียง 2-3% โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ผมจึงได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทย ที่เราต้องส่งเสริม สร้างโอกาส ให้ความสะดวก เติมทุนหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าว่า ทางกองทุนฯ ได้ออกสินเชื่อ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) และโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) เพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเงินทุนและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการต่อยอดพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมในการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีตามวัตถุประสงค์ของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ
สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ (เสือติดปีก) มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะด้านการพัฒนานวัตกรรม การปรับปรุงเทคโนโลยีและการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจไทย กลุ่มเป้าหมาย คือ
1) เอสเอ็มอีที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น หรือผ่านการคัดเลือกรอบที่ 1 ของการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่นจากกระทรวงอุตสาหกรรม ในระยะเวลา 3 ปีย้อนหลัง นับถึงวันที่ยื่นขอเข้าร่วมโครงการ
2) เอสเอ็มอีที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพจากหน่วยงานของรัฐในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยหน่วยร่วมดำเนินการ หรือสถาบันเครือข่ายภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และ
3) เอสเอ็มอีที่ไม่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น หรือการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ แต่มีความประสงค์เข้ารับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพตามที่กองทุนกำหนด ซึ่งคุณสมบัติของผู้กู้ จะต้องเป็นเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ และมีขนาดของกิจการตามที่กำหนด เป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย ดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี สามารถนับรวมประสบการณ์การบริหารธุรกิจของผู้บริหารได้ ไม่เป็น NPL หรือถูกดำเนินคดี ณ วันที่ยื่นขอเข้าร่วมโครงการ มีประวัติการชำระหนี้ปกติ ณ วันที่ยื่นขอเข้าร่วมโครงการ ไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากโครงการอื่น ๆ ที่กำหนด สามารถยื่นความประสงค์ได้ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
สำหรับรูปแบบการให้สินเชื่อ โครงการเสือติดปีก กรอบวงเงินรวม 1,200 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน15 ล้านบาทต่อราย และเป็นเงินกู้ระยะยาว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3-5% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหลักประกัน) ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน มีหลักประกัน เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร หรือหลักประกันทางธุรกิจหรือมีบุคคลค้ำประกัน ส่วนโครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจ และเสริมความแข็งแกร่งให้สามารถฟันฝ่าวิกฤตทางเศรษฐกิจได้
กลุ่มเป้าหมายและคุณสมบัติของผู้กู้ มีลักษณะเดียวกันกับโครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ (เสือติดปีก) ภายใต้กรอบวงเงินรวม 700 ล้านบาท วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย เป็นเงินกู้ระยะยาว อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5-7% ต่อปี (ขึ้นอยู่กับหลักประกัน) ระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี มีหลักประกัน เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร หรือหลักประกันทางธุรกิจ หรือบุคคลค้ำประกัน
“โครงการสินเชื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ (เสือติดปีก) เปรียบเสมือนการติดปีกให้กับเอสเอ็มอี พัฒนาให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เป็นสินเชื่อที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทย ขณะที่โครงการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ (คงกระพัน) เปรียบเสมือนการเสริมเกราะป้องกันให้กับเอสเอ็มอี พัฒนาให้เข้มแข็งและสามารถผ่านพ้นวิกฤตได้ เป็นสินเชื่อที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยทั้ง 2 โครงการ
นอกจากผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จูงใจแล้ว กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ยังได้การปรับปรุงหลักเกณฑ์ คุณสมบัติและหลักประกันให้เอื้อกับเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงินปกติ สามารถเข้ามาขอรับสินเชื่อกับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐได้ง่ายขึ้น รวมทั้งมีกลไกของหน่วยงานของรัฐ และสถาบันเครือข่ายภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ที่คอยรับรองและสนับสนุนตลอดการขอรับสินเชื่อเพื่อสร้างความมั่นใจในการเติบโตและก้าวไปข้างหน้าของเอสเอ็มอี
ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายเช่นนี้ ภาคธุรกิจ SMEs ที่เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความยากลำบาก กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ จึงขอเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ด้วยสินเชื่อ 2 โครงการใหม่ 'เสือติดปีก' และ 'คงกระพัน' เพื่อเสริมแกร่ง เพิ่มศักยภาพ และสร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนแม้ในยามวิกฤต” นายณัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ เอสเอ็มอีที่สนใจโครงการฯ สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ https://i.industry.go.th หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.thaismefund.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ทั่วประเทศ
นายณัฐพล กล่าวกว่า สำหรับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ มีเงินหมุนเวียนอยู่ประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีการปล่อยสินเชื่อแล้ว 25,400 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 60 ซึ่งสามารถช่วยเอสเอ็มอีได้ 13,670 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 36,000 ล้านบาท โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล (NPL) ประมาณ 15.8%