นฤมล เล็งจ่ายเงินสดแทนแจกปัจจัยการผลิต ช่วยเกษตรกรจากภัยน้ำท่วม

นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า ในการประชุมผู้บริหารระดับสูง ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้รับทราบปัญหา และสถานการณ์การทำงานในช่วงที่ผ่านมา เพื่อวางแผนการทำงานต่อไป โดยในวันนี้(25 ก.ย.2567)นางนฤมล ได้กำชับ ในที่ประชุมให้เร่งสำรวจความเสียหายจากอุทกภัย โดยให้ประสานกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปความเสียหายและเร่งช่วยเหลือเยียวยา เร่งดำเนินการช่วยเหลือผ่านศูนย์ป้องกันภัยในจังหวัด

“ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ สั่งให้เร่งลงพื้นที่ที่น้ำท่วมอย่าให้เกิดดราม่าเหมือนที่ปีที่ผ่านมา ที่น้ำท่วมปีนี้ชดเชยปีหน้า ซึ่งตามกฏหมายเมื่อเกิดอุทกภัย ต้องชดเชย เยียวยาให้เกษตรกรภายใน 60 วัน ที่ควรจะลดระยะเวลา ให้เหลือไม่เกิน 45 วัน และนอกจากนั้นกรณีการช่วยเหลือเป็นปัจจัยการผลิต อาทิ เมล็ดพันธุ์พืช เป็ด ไก่ ควรชดเชยเป็นเงินสดแทน เรื่องนี้ต้องประสานกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด”

นายเอกภาพ กล่าวว่า ในที่ประชุม กรมชลประทานได้รายว่าสถานการณ์น้ำว่า ประมาณปลายเดือนก.ย. ต้นเดือนต.ค.2567 จะมีพายุลูกใหม่เข้าในช่วงตอนกลางของประเทศ หรือประมาณจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพายุที่มาช่วงตอนกลางของประเทศ ไม่น่ากังวล เพราะในภาคอีสาน ทั้งในแถบลำตะคอง มีน้ำเพียง 28-30% ของความจุดเขื่อน และอีกหลายเขื่อนยังมีปริมาณน้ำไม่มาก หากพายุเข้ามาจะช่วยเติมน้ำ เพื่อเก็บกัดน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง2567/68

ส่วนสถานการณ์น้ำในภาคเหนือขณะนี้ สถานการณ์น้ำในเขื่อน ประมาณ 50% ของความจุเขื่อน หากฝนที่ตกในจังหวัดเชียงใหม่ ไหลลงแม่น้ำปิง น้ำก็จะไหลลงเขื่อนภูมิพล ที่ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำอยู่จำนวนมาก กรณีฝนที่ตกและไหลลงแม่น้ำน่าน น้ำจะไหลลงเขื่อนกิ่วคอหมา แต่ยอมรับว่าสำหรับแม่น้ำยม จุดนั้นไม่มีเครื่องมือสำหรับรองรับน้ำ

ในที่ประชุมกรมชลประทาน ยังรายงานว่า เพื่อเตรียมรับน้ำเหนือ จึงจำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำ โดยเพิ่มการระบายน้ำเจ้าพระยาจากปัจจุบันอยู่ทมี่ 1,050 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวินาที เป็น 1,300 ลบ.ม. ต่อวินาที เพื่อรองรับน้ำเหนือที่จะมาสมทบในไม่ช้านี้ ส่วนแก้มลิงบางระกำ ยังสามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 2-3 หมื่นลบ.ม.ต่อวินาที

 นอกจากนี้ นางนฤมล ยังกำชับให้ดูแลผู้ที่ประสบภัยพิบัติ ดูเรื่องอาหารการกิน เรื่องน้ำให้ไปช่วยเหลือเร่งประสานหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ที่มีเครื่องจักรระดมไปช่วยในพื้นที่ที่มีดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะกรมพัฒนาที่ดินหน่วยงานที่มีเครื่องจักรเข้าไปช่วยพื้นที่ให้กลับมาสู่สภาพปกติอย่างเร็วที่สุด