เจ้าหนี้ 'การบินไทย' เล็งโหวตหนุน แก้แผนฟื้นฟูล้างหนี้ 6 หมื่นล้าน
เจ้าหนี้ “การบินไทย” เตรียมโหวตแก้ไขแผนฟื้นฟู 8 พ.ย.67 นี้ ลุยลดพาร์ล้างขาดทุนสะสม 6 หมื่นล้านบาท เชื่อเป็นแนวทางดันส่วนทุนเป็นบวก พร้อมหนุนองค์กรไม่กลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจ ด้าน “ปิยสวัสดิ์” ย้ำออกจากแผนฟื้นฟูด้วยผลงาน เตรียมเคาะกรอบราคาขายหุ้นเพิ่มทุนสัปดาห์หน้า
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการเจ้าหนี้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากการประชุมร่วมกับผู้บริการแผนฟื้นฟูกิจการ และฝ่ายบริหารของการบินไทย ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (Par Value) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสมหลักทรัพย์ที่มีประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ทราบว่าขั้นตอนดังกล่าวเป็นกระบวนการทางบัญชี เพื่อประโยชน์ต่อการปรับโครงสร้างทุน จะทำให้ส่วนทุนเป็นบวก และไม่ได้กระทบต่อการชำระหนี้
ดังนั้น เจ้าหนี้ส่วนใหญ่พร้อมโหวตให้การบินไทยดำเนินการแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการฉบับนี้ และเชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อตัวเลขทางบัญชีอย่างที่ฝ่ายบริหารประเมินไว้ ซึ่งศาลล้มละลายกลางมีกำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้ วันที่ 8 พ.ย.2567 ขณะเดียวกันปัจจุบันเจ้าหนี้มีความพร้อมที่จะปรับโครงสร้างทุนตามข้อกำหนดที่การบินไทยได้ยื่นแผนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) เมื่อวันที่ 30 ก.ย.67ที่ผ่านมา
“ในการทำงานระหว่างเจ้าหนี้ และฝ่ายบริหารของการบินไทยที่ผ่านมามีการพูดคุยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อแผนฟื้นฟูที่ฝ่ายบริหารจะดำเนินการ รวมทั้งยังสนับสนุนให้การบินไทยคงเป็นสถานะบริษัทเอกชน เพราะพิสูจน์แล้วว่า 4 ปีที่ผ่านมา บริหารงานคล่องตัว สามารถทำรายได้ และกำไรต่อเนื่อง หากยังคงดำเนินการในลักษณะนี้ เชื่อว่าจะจ่ายหนี้ได้ตามแผนกำหนด”
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้การบินไทยเดินหน้าตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีการจดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 3.3 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 รวมทั้งที่ผ่านมาไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ และผลการดำเนินงานรอบ 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่ก.ค.2566 - มิ.ย.2567 มี EBITDA เท่ากับ 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเข้าเงื่อนไขออกจากแผนฟื้นฟูกิจการกำหนดต้องมี EBITDA ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดยในขณะนี้การบินไทยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ต่อ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.67 ที่ผ่านมา เพื่อขอปรับโครงสร้างทุนจาก ณ 30 มิ.ย.2567 บริษัท มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 4 หมื่นล้านบาท โดยเมื่อการปรับโครงสร้างทุนแล้วเสร็จ ซึ่งมีทั้งการแปลงหนี้เป็นทุน และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน จะทำให้การบินไทยกลับมามีส่วนทุนเป็นบวก
อย่างไรก็ดีปัจจุบันการแปลงหนี้เป็นทุน กำหนดราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น ส่วนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ปัจจุบันคาดว่าจะมีการออกรายงานประเมินมูลค่ายุติธรรมโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในช่วงสัปดาห์หน้า หรือกลางเดือนต.ค.2567 ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะต้องไม่น้อยกว่าราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า การบินไทยคาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการใช้สิทธิของเจ้าหนี้ในการแปลงหนี้เป็นทุนในช่วงเดือนพ.ย.2567 และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในช่วงเดือนธ.ค.2567 โดยภายหลังการปรับโครงสร้างทุนภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการในครั้งนี้ คาดว่ากระทรวงการคลัง จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลง จากโครงสร้างเดิมสัดส่วน 47.9% จะเหลือสูงสุดราว 41.4% ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาถือหุ้น
ทั้งนี้ กระบวนการปรับโครงสร้างทุนตามที่แผนนี้จะเสร็จสิ้นภายในปี 2567 ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ และคาดว่าการบินไทยจะสามารถยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อยกเลิกการฟื้นฟูกิจการและนำหุ้นของการบินไทยกลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 2 หรือมิ.ย.2568
“หลายคนพูดว่าการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูได้เพราะการขายสินทรัพย์ วันนี้เราทำให้เห็นแล้วว่ากระแสเงินสดที่มีสูงถึง 8 หมื่นล้านบาท มากสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ส่วนใหญ่มาจากการบริหารธุรกิจ มีเพียง 1 หมื่นล้านบาท ที่เกิดจากการขายสินทรัพย์หลักๆ ที่อาคารสำนักงานหลักสี่ และหลานหลวง การขายเครื่องบินปลดระวาง และเครื่องยนต์ ดังนั้นวันนี้ทำให้เห็นแล้วว่าการบินไทยมีผลการดำเนินงานจากการบริหารธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ”
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา การบินไทยได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการอย่างเคร่งครัด จนได้รับผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่คาดหวังเป็นอย่างดี โดยแผนฟื้นฟูกิจการนี้เปรียบเสมือนการพลิกโฉมองค์กรครั้งสำคัญ ทั้งในด้านการปรับโครงสร้างองค์กรที่พ้นจากสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ สู่ก้าวใหม่ในฐานะบริษัทเอกชนที่ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คล่องตัว และมีความโปร่งใส
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท ในช่วงที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้โดยสาร ปริมาณการขนส่ง และรายได้เพิ่มขึ้นโดยในปี 2566 มีผู้โดยสารรวมประมาณ 13.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 9 ล้านคนในปี 2565 และมีรายได้รวมสูงถึง 165,491.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 105,212.3 ล้านบาทในปี 2565
“วันนี้การบินไทยพร้อมที่ก้าวสู่ขอบฟ้าใหม่แห่งความภูมิใจ ด้วยการปฏิวัติธุรกิจอย่างมืออาชีพ การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงความเป็นไทยสู่สากล และเรียกความไว้วางใจจากคนไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติให้กลับคืนมา ซึ่งการบินไทยตั้งเป้าจะดันส่วนแบ่งการตลาดผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากในปี 2566 สัดส่วน 27% จะเพิ่มต่อเนื่องในปี 2572 สัดส่วนมากกว่า 27%”
สำหรับกลยุทธ์สำคัญสู่เส้นทางการเติบโตครั้งใหม่ของการบินไทย ประกอบด้วย
1.การเสริมสร้างเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุม: โดยมุ่งเน้นการเชื่อมต่อเที่ยวบินที่ราบรื่น และตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารทั่วโลก
2.การพัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสาร: โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเดินทาง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์
3.การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน: เพื่อสร้างความยั่งยืน และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
4.การเสริมสร้างขีดความสามารถในการเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่: เพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้ และลดการพึ่งพารายได้จากธุรกิจการบินเพียงอย่างเดียว
5.การมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม: เพื่อสร้างคุณค่าอันยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เสริมว่า ผลประกอบการของบริษัท ในปีที่ผ่านมา นับเป็นปีแห่งความสำเร็จ โดยเราสามารถสร้างผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 28,123.3 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการกิจการ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ในครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัท ยังคงมีผลกำไรต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี แม้ไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจสายการบิน บริษัท และบริษัทย่อยยังคงมีรายได้สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2567 เพิ่มขึ้น 12,630.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากการกลับมาให้บริการเที่ยวบินประจำรวมถึงเปิดเส้นทางการบินใหม่เพิ่มขึ้นภายหลังโควิด-19 คลี่คลาย ทำให้มีผู้โดยสารรวมในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 จำนวน 7.68 ล้านคน และมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 78.1%
สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบการขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2565 กำหนดให้ในการปรับโครงสร้างทุนตามแผน บริษัทต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการแปลงหนี้เดิมของเจ้าหนี้ตามแผนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Mandatory Conversion) จำนวนไม่เกิน 14,862,369,633 หุ้น ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 หรือกระทรวงการคลัง จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างเต็มจำนวนในสัดส่วนร้อยละ 100 ขณะที่เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18 – 31 ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการชำระหนี้เงินต้นคงค้างในอัตราร้อยละ 24.50
นอกจากนี้ เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ยังสามารถใช้สิทธิแปลงหนี้เงินต้นคงค้างเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้เพิ่มเติมโดยความสมัครใจ (Voluntary Conversion) จำนวนไม่เกิน 4,911,236,813 หุ้น ได้ในสัดส่วนที่ต้องการแต่จะต้องไม่เกินภาระหนี้ตามแผนฯ ของตน
อีกทั้ง เจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 5 เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 และเจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้ตามแผนฯ ยังได้รับสิทธิแปลงดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยความสมัครใจ จำนวนไม่เกิน 1,903,608,176 หุ้น โดยกำหนดให้ใช้สิทธิในการแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเต็มจำนวนของมูลหนี้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกใช้สิทธิบางส่วนได้ ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
สำหรับกระบวนการถัดไปในเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ประกอบด้วย การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822,473,626 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 59.01 ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด รวมทั้งหุ้นที่เหลือจากกระบวนการ Voluntary Conversion (หากมี) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน พนักงานของการบินไทย และบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามลำดับ โดยจะเสนอขายในราคาที่ผู้บริหารแผนเห็นสมควรแต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์