'TPIPP' เร่งศึกษา CCUS รับเทรนด์โลกร้อน ตอบโจทย์ 'ลูกค้า-องค์กร' ยั่งยืน 

'TPIPP' เร่งศึกษา CCUS รับเทรนด์โลกร้อน ตอบโจทย์ 'ลูกค้า-องค์กร' ยั่งยืน 

'TPIPP' ย้ำลุยใช้นวัตกรรมชูจุดเด่นสินค้าต้องดีที่สุดเพื่อผู้บริโภค ระบุเทคโนโลยี CCS ยังไม่ตอบโจทย์บริษัท ลุยศึกษา CCUS ตอบโจทย์องค์กรนำของเหลือใช้มาสร้างมูลค่ามากที่สุด

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP กล่าวในหัวข้อ Energy Transition Towards A New Green Economic ในงาน “ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity” จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" วันนี้ (7 ต.ค.) ว่า กลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายของการเดินทางสู่เป้า Net Zero

โดยการดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPITL ได้แยกเป็น 2 ส่วน ที่เริ่มจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่ จ.ระยอง ปี ค.ศ. 1978 โดยปี ค.ศ. 1992 ได้กระโดดไปสู่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และปี ค.ศ. 2014 ก้าวไปสู่ธุรกิจพลังงาน ที่มีจุดเด่นจากการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า 

\'TPIPP\' เร่งศึกษา CCUS รับเทรนด์โลกร้อน ตอบโจทย์ \'ลูกค้า-องค์กร\' ยั่งยืน 

ดังนั้น ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจถึงแผนดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มบริษัทฯ คือ TPI ที่ย่อมาจาก T: Technology ซึ่งทั้งกลุ่มบริษัทฯ จะใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อจะดำเนินธุรกิจตอบรับกับความต้องการของลูกค้า P : Products ซึ่งสินค้าที่จะผลิตยั่งยืนและดีที่สุดเพื่อตอบทุกโจทย์ของชีวิตลูกค้า และ I : Innovation หรือนวัตกรรมเพื่อให้กลุ่มบริษัทฯ มีความยืนยัน โดยจะผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะผลิตสินค้าให้ดีที่สุด

"เราต้องเป็นผู้นำในธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาขับเคลื่อนเพื่อให้ทั้งกลุ่มมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ที่ต้องไม่ลืมนโยบาย ESG จึงต้องสร้างอีโคซิสเต็มที่มีมีของเสีย และสุดท้ายต้องใช้นโยบาย BCG อีโคโนมี เพื่อให้องค์กรเติบโตยั่งยืน"

อย่างไรก็ตาม ในการเดินทางเพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero นั้น ผู้บริหารได้วางโรดแมปว่าจะเดินหน้าอย่างไร โดยเฉพาะขยะหรือของเสียในแต่ละโรงงานที่ต้องสามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบของอีกโรงานได้ เช่น โรงไฟฟ้าเมื่อมีการเผาไหร้เสร็จกระบวนการจะเหลือขี้เถ้า บริษัทฯ ก็จะนำเอาของเหลือทิ้งนี้ไปใช้ในโรงปูนเพื่อไม่ให้มีของเสียออกจากโรงงานเด็ดขาด

\'TPIPP\' เร่งศึกษา CCUS รับเทรนด์โลกร้อน ตอบโจทย์ \'ลูกค้า-องค์กร\' ยั่งยืน 

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ มองว่าการใช้เทคโนโลยี CCS ยังไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะไม่สามารถเอาไปฝังได้ แต่จะต้องเอาคาร์บอนที่เก็บมาใช้ประโยชน์ให้ได้ผ่านเทคโนโลยี CCUS ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเอามาใช้ในรูปแบบใด
    
ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินธุรกิจกลุ่มบริษัทฯ ปี ค.ศ.2022-2043 โดยตั้งเป้าลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินจนเป็นศูนย์และเพิ่มพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมถึงการปลูกป่าและก้าวสู่ Net Zero จากที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการผลิตคาร์บอนที่เฉลี่ย 13.22 ล้านตันคาร์บอนต่อปี และจะลดเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2043 เป็น Net Zero

\'TPIPP\' เร่งศึกษา CCUS รับเทรนด์โลกร้อน ตอบโจทย์ \'ลูกค้า-องค์กร\' ยั่งยืน 

นายภัคพล กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 440 เมกะวัตต์ โดยมีพลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ พลังงานจากขยะ 180 เมกะวัตต์ และพลังงานจากถ่านหิน 220 เมกะวัตต์ โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะทำให้พลังงานจากถ่านหินเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2026 ทำให้ธุรกิจไฟฟ้าสู่เป้าหมาย Net Zero ทังนี โดยจะลดการปล่อยคาร์บอนได้ 1.2 ล้านตันคาร์บอนต่อปี ในขณะที่โรงปูนก็จะเริ่มลดคาร์บอนระดับ 1.6 แสนตันคาร์บอนต่อปีเช่นกัน
    
"เราเปลี่ยนรถทั้งหมดในเหมืองจากเดิมที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนได้ทั้งหมดกลางปี ค.ศ. 2025 จะช่วยลดคาร์บอนได้ระดับ 4.2 หมื่นตันคาร์บอนต่อปี รวมถึงการใช้ไม้สังเคราะห์ที่เป็นไม้ปลอมจะเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1.6 แสนต้นต่อปี พร้อมรณรงค์ให้พนักงานร่วมปลูกต้นไม้สร้างสังคมสีเขียวไปสู่อนาคต"