ธุรกิจ ‘แพลตฟอร์ม’ และ ‘ซอฟต์แวร์’ โอกาสทางธุรกิจยุคดิจิทัล

ธุรกิจ ‘แพลตฟอร์ม’ และ ‘ซอฟต์แวร์’ โอกาสทางธุรกิจยุคดิจิทัล

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย “ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์”   3 ปีย้อนหลังทำกำไรต่อเนื่อง เฉพาะปี66 กลุ่มซอฟต์แวร์ทำกำไร 721.73 ล้านบาท ชี้แรงหนุนผู้บริโภค เลือกซื้อ ค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

KEY

POINTS

Key Point

  • ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ มาแรงในยุคดิจิทัล
  • รายได้ธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ 3 ปีย้อนหลัง สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,496.24 ล้านบาท
  • ปี 2566 กลุ่มซอฟต์แวร์กำไร 721.73 ล้านบาท

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ธุรกิจที่กำลังมาแรงในยุคนี้  คือ  “ ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์” ซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีความโดดเด่นและเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง

"อรมน ทรัพย์ทวีธรรม "อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ " ระบุว่า  ในช่วง 3-4 ปี ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงที่ต้องการความสะดวกสบาย เป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตมีบทบาทมากขึ้นทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ ถือเป็นช่องทางเชื่อมต่อ ‘ผู้ซื้อ - ผู้ขาย’ บนโลกออนไลน์มากขึ้น เพิ่มโอกาสการเข้าถึงผู้บริโภค หาพันธมิตรทางธุรกิจ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสังคมออนไลน์

ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจ ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ พบว่า 

ปี 2564 จัดตั้ง 1,551 ราย ทุนจดทะเบียน 2,952.80 ล้านบาท

ปี 2565 จัดตั้ง 1,162 ราย (ลดลง 389 ราย หรือ 25.08%) ทุน 2,857.57 ล้านบาท (ลดลง 95.23 ล้านบาท หรือ 3.23%)

 ปี 2566 จัดตั้ง 1,111 ราย (ลดลง 51 ราย หรือ 4.39%) ทุน 2,480.82 ล้านบาท (ลดลง 376.75 ล้านบาท หรือ 13.19%) ปี 2567 (เดือนมกราคม - กันยายน) จัดตั้ง 913 ราย ทุน 1,693.81 ล้านบาท

ธุรกิจ ‘แพลตฟอร์ม’ และ ‘ซอฟต์แวร์’ โอกาสทางธุรกิจยุคดิจิทัล

หากดูภาพรวมของผลประกอบการในธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ 3 ปีย้อนหลัง ทำรายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปี 2564 รายได้รวม 74,821.35 ล้านบาท

ปี 2565 รายได้รวม 94,778.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,957.04 ล้านบาท หรือ 26.68%

ปี 2566 รายได้รวม 132,650.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,872.39 ล้านบาท หรือ 39.96%

โดยในปี 2566 กลุ่มแพลตฟอร์มสามารถทำรายได้สูงกว่ากลุ่มซอฟต์แวร์ 24,075.16 ล้านบาท หรือ 44.35% (รายได้กลุ่มแพลตฟอร์ม 78,362.97 ล้านบาท รายได้กลุ่มซอฟต์แวร์ 54,287.81 ล้านบาท)

ขณะที่ กำไร  ขาดทุนสุทธิภาพรวมธุรกิจ 3 ปีย้อนหลัง ธุรกิจสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,496.24 ล้านบาท เมื่อพิจารณาเป็นรายธุรกิจ พบว่า กลุ่มแพลตฟอร์มมีแนวโน้มขาดทุนลดลงและสามารถทำกำไรได้ในปี 2566 จำนวน 774.51 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มซอฟต์แวร์สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง โดยในปี 2566 กำไร 721.73 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าในธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์มีแนวโน้มมาแรงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการดำรงชีวิตที่นิยมใช้จ่ายเลือกซื้อ ค้นหาข้อมูลสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ SME มีการปรับตัวมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ และนำเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์มาช่วยในการดำเนินธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

ธุรกิจ ‘แพลตฟอร์ม’ และ ‘ซอฟต์แวร์’ โอกาสทางธุรกิจยุคดิจิทัล

ข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยังเปิดข้อมูลการลงทุนของต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจแพลตฟอร์มและซอฟต์แวร์ของประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน โดยสัดส่วนการลงทุนของนักธุรกิจชาวไทยมีมูลค่า 362,266.43 ล้านบาท คิดเป็น 92.73% (กลุ่มแพลตฟอร์ม 35,839.00 ล้านบาท กลุ่มซอฟต์แวร์ 326,427.43 ล้านบาท)

การลงทุนของชาวต่างชาติมีมูลค่า 28,397.26 ล้านบาท คิดเป็น 7.27% (กลุ่มแพลตฟอร์ม 11,721.44 ล้านบาท กลุ่มซอฟต์แวร์ 16,675.82 ล้านบาท) โดยต่างชาติที่มาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สิงคโปร์ ลงทุน 9,814.28 ล้านบาท ไต้หวัน 5,953.63 ล้านบาท และ มาเลเซีย 2,237.63 ล้านบาท

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ธุรกิจแพลตฟอร์ม และซอฟต์แวร์ เป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่น เป็นธุรกิจยุคดิจิทัล ที่พร้อมที่จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการอย่างมหาศาล  และเป็นโอกาสทางธุรกิจในยุคดิจิทัล