'รีโว่เมด กรุ๊ป' จับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน

'รีโว่เมด กรุ๊ป' จับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน

"รีโว่เมด กรุ๊ป" ตัวแทนความสำเร็จ ร่วมงานสัมมนาจับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน หนุนสร้างธุรกิจแข็งแกร่ง

หลังจากเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับ บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด (Revomed Group) โดย "ดร.วาสนา อินทะแสง" ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ทุ่ม 1,400 ล้านบาท ตั้งโรงงาน "Revomed New Zealand" บนพื้นที่กว่า 90 ไร่ ขยายฐานการผลิตนมแพะและอาหารเสริม พร้อมรุกตลาดเอเชีย-แปซิฟิก อเมริกา ยุโรป ขึ้นแท่นเป็น "คนไทยคนแรก" ที่เปิดบริษัทและขยายฐานผลิตในนิวซีแลนด์

ความสำเร็จในครั้งนี้ "รีโว่เมด กรุ๊ป" ก็ได้เป็นบริษัทผู้นำและเติบโตจากการผนึกกำลังระหว่างประเทศไทยกับประเทศนิวซีแลนด์ และได้รับเกียรติจาก "สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ - ไทย (New Zealand - Thailand Business Association - NZTBA)" จากการสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน เชิญเข้าร่วมงาน "Thailand-New Zealand Business Matching 2024" งานสัมมนาจับคู่ธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ณ โรงแรม บันยันทรี กรุงเทพฯ

\'รีโว่เมด กรุ๊ป\' จับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน

ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของงานนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงสนับสนุนให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ระหว่างกัน สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการค้าทวิภาคีของทั้งสองประเทศ โดยมีบริษัทชั้นนำของนิวซีแลนด์และของไทยเข้าร่วมงานอย่างมากมาย อาทิ ธนาคาร ANZ  - บริษัท Private Capital - สมาคมนวัตกรรมเกษตร Agritech ของนิวซีแลนด์ - กลุ่มบริษัท New Image Group - เครือเจริญโภคภัณฑ์ - ไทยเบฟเวอเรจ - Berli Jucker - K Asset และ Revomed

ในงานนี้ได้มีการเซ็นบันทักข้อตกลงเพื่อสร้างความร่วมมือในการจับคู่ธุรกิจ ระหว่างเอกชนไทยและนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งได้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่าง "ดร.วาสนา อินทะแสง" มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ ในฐานะที่เป็นผู้ที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมธุรกิจสุขภาพและความงาม ที่มีฐานการผลิตในนิวซีแลนด์และเติบโตเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

\'รีโว่เมด กรุ๊ป\' จับคู่ธุรกิจไทย-นิวซีแลนด์ เพิ่มโอกาสทางการค้า-การลงทุน

ดร.วาสนา อินทะแสง" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า รีโว่เมด กรุ๊ป ผู้ผลิตที่อยู่เบื้องหลังสินค้าเพื่อสุขภาพ และความงามหลายแบรนด์ดังทั้งในและต่างประเทศ มีความภาคภูมิใจที่ได้รับเกียรติมาร่วมงานในฐานะบริษัทที่มีการเติบโตหลังจากที่ไปขยายฐานการผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ และงานนี้ก็เป็นขั้นแรกสำหรับโอกาสในการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน สร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยนิวซีแลนด์และไทย เป็น 2 ประเทศที่มีนักธุรกิจที่มีศักยภาพ พร้อมจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับการริเริ่มและร่วมมือทางธุรกิจเพื่อการขยายการค้าการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศ

"หลังจากนี้เราก็ยังคงเดินหน้าขยายฐานการผลิตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง บนความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้านวัตกรรม มาตรฐานสากล เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลก และในปีหน้าก็จะมีโปรเจกต์กับอีกหลายประเทศทั่วโลก เพื่อเป็นการเน้นย้ำและส่งเสริมให้เราเป็นผู้นำอุตสาหกรรม OEM (Original Equipment Manufacturer) และ ODM (Original Design Manufacturer) อย่างแท้จริง"

ด้าน "ช่อทิพย์ เคลกก์" ตัวแทนประธานบริหาร "New Image Group" ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและโภชนาการจากนิวซีแลนด์ ที่ได้ขยายธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และเป็นในสมาชิกของ "สมาคมธุรกิจนิวซีแลนด์ – ไทย (New Zealand – Thailand Business Association - NZTBA)" ซึ่งกล่าวว่า "ที่ผ่านมา New Image Group ได้มอบโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเป็นผู้จัดจำหน่ายอิสระและสร้างธุรกิจของตนเองผ่านผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพหลากหลายประเภท ด้วยความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและคุณภาพ สอดคล้องกับนโยบายการสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและนิวซีแลนด์ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม" 

และก้าวต่อไป New Image Group ได้ขยายตลาดกลุ่มนมผงเด็กและนมแพะ แบรนด์ดังจากนิวซีแลนด์ Symbiotics เพื่อสุขภาพองค์รวมในประเทศไทยผ่านช่องทางร้านยาและโรงพยาบาล รวมถึงการขยายฐานผลิตในประเทศนิวซีแลนด์ร่วมกับทางรีโว่เมดกรุ๊ป

การขยายฐานการผลิตในนิวซีแลนด์ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของเราบนเวทีโลก แต่ยังเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมระดับพรีเมียม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและความงาม เรามั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเป็นก้าวสำคัญในการขยายสู่ตลาดโลกอย่างมั่นคง และยั่งยืน