'แพทองธาร' ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ เคาะแก้หนี้-แจกเงินหมื่นเฟส 2
"แพทองธาร” นัดถกวันนี้บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก เตรียมคลอดเกณฑ์แจกเงินหมื่นเฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ พร้อมถกแก้หนี้ครัวเรือน จ่อช่วยรายย่อยที่กู้บ้านหลังแรก รถคันแรกให้ไปต่อไป เล็งหั่นค่าต๋งแบงก์ 0.23% เป็นค่าใช้จ่ายให้แบงก์แก้หนี้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าวันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 13.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการหลายหน่วยงานเป็นกรรมการ
ทั้งนี้ในการประชุมนัดแรกในวันนี้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการจะเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาหลายวาระรวมทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยและคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2567 และแนวโน้มปี 2568
หารือแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
สำหรับวาระการหารือแบ่งเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะเน้นไปในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสูงกว่า 90% ของจีดีพี ซึ่งการแก้หนี้ครัวเรือนจะเป็นการรายงานความคืบหน้าจากการหารือการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะบ้านหลังแรก และรถคันแรกเพื่อไม่ให้มีการยึดรถยึดบ้านเป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นหลักเกณฑ์ที่จะมีการหารือในที่ประชุมจะมีการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ค้างชำระหนี้สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 1 ปี
พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการช่วยเหลือ เบื้องต้นเป็นเวลา 3 ปี ได้แก่ พักชำระดอกเบี้ยชั่วคราว ยืดระยะเวลาผ่อนเงินให้ โดยลดการผ่อนชำระ 50% ต่องวดและยืดหนี้ที่ลดการผ่อนชำระให้ยาวออกไปเพื่อให้ลูกหนี้สามารถใช้หนี้ได้ตามเงื่อนไขนี้
ทั้งนี้ในส่วนของการแก้หนี้สินให้กับประชาชนในส่วนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะมีการนำเงินบางส่วนจากเงินนำส่งที่สถาบันการเงินต้องนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุน FIDF ปีละ 0.46% ของฐานเงินฝากโดยจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 0.23% ส่วนที่เหลือนั้นจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้กับประชาชน โดยรายละเอียต่างๆให้รอการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับอีกส่วนที่จะมีการพูดคุยกันในบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจคือเรื่องของการทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยมาตรการต่างๆ โดยในส่วนของมาตรการแจกเงินหมื่นในระยะต่อไป ก่อนหน้านี้นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดย 1 ในหลายมาตรการที่จะเสนอ คือ มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ
เคาะเกณฑ์อายุจ่ายเงินหมื่นสูงวัย
ที่ประชุมฯ จะพิจารณาหลักเกณฑ์อายุ วงเงินต่อราย และระยะเวลาดำเนินโครงการ ซึ่งอาจแจกเงินให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีเป็นขึ้นไป ในรูปเงินสดคนละ 10,000 บาท เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้พิการ ที่ได้รับเงินดังกล่าวไปแล้ว ส่วนจะเริ่มโครงการได้ในช่วงเดือน มี.ค.2568 ตามที่มีกระแสหรือไม่นั้น ขอให้รอผลการประชุมในวันที่ 19 พ.ย.2567
ส่วนการแจกเงิน 10,000 บาท สำหรับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางรัฐนั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ สำหรับกลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนให้แล้วเสร็จก่อน อีกทั้งยังต้องรอให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ หรือดีจีเอ ดำเนินการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มรองรับการรับจ่ายเงินในโครงการ 10,000 บาท จึงจะสามารถวางแผนการแจกเงินรอบประชาชนทั่วไป เป็นเฟสที่ 3
ทั้งนี้ ผลจากการแจกเงินกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ และผู้พิการ ในเฟสแรก ส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 4.3-4.4%
ส่วนการดำเนินโครงการของขวัญปีใหม่ ทั้งมาตรการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการใช้จ่าย และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีงบประมาณพร้อมดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
ชงดันโครงการลงทุนขนาดเล็กปลุกเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ในส่วนของการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบอื่นๆ อาจจะมีการเสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนกระจายไปทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการลงทุน และส่งผลไปยังการผลิตสินค้าคงทนอื่นๆ ที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยนั้นมีแรงส่งต่อเนื่องในปี 2568 ด้วย