'ทักษิณ' เรียกร้องมาตรการกระตุ้นธุรกิจไทย 'ลงทุนสหรัฐ'

'ทักษิณ' เรียกร้องมาตรการกระตุ้นธุรกิจไทย 'ลงทุนสหรัฐ'

ทักษิณให้สัมภาษณ์นิกเคอิเอเชียที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งนายกฯ อบจ. เรียกร้องรัฐบาลออกมาตรการจูงใจช่วยธุรกิจไทยลงทุนในสหรัฐ ด้วยมองว่าการคืนสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ ย่อมส่งผลกระทบต่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นิกเคอิเอเชีย ถือเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมาประเทศไทยในเดือน ส.ค.2566 โดยกล่าวว่า ความแตกแยกทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับปักกิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น “จะเป็นแรงหนุนให้กับเศรษฐกิจไทยที่วางตัวเป็นกลางมาตลอด” กระนั้น เขายังแสดงความกังวลว่า หากไทยเกินดุลการค้ามากเกินไปอาจตกเป็นเป้าให้สหรัฐตอบโต้ได้

การที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้คำมั่นจะขึ้นภาษีเพื่อปรับปรุงดุลการค้าสหรัฐ ทักษิณระบุ

“ผลกระทบจากการที่ทรัมป์กลับคืนสู่อำนาจจะขยายมาถึงไทยด้วย จึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นให้บริษัทไทยเข้าไปลงทุนในสหรัฐ”เพื่อลดแรงกดดันจากสหรัฐที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ทักษิณได้กล่าวถึงการที่ไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ “บริกส์” ว่า ความเคลื่อนไหวนี้จะ “มีส่วนรักษาสมดุลของการทูตไทย” เขาหวังว่าไทยจะได้รับการลงทุนผ่านการทูตสมดุลแบบที่เคยทำมา

ทั้งนี้ ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่าประเทศไทยติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหลังโควิดระบาดตามหลังประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างอินโดนีเซียและเวียดนาม

“การเมืองมีเสถียรภาพและการเติบโตสูงเป็นสิ่งจำเป็น” สำหรับประเทศไทยที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันทักษิณกล่าวพร้อมย้ำว่า เป็นเรื่องยากที่ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายใต้บรรยากาศการเมืองไร้เสถียรภาพเช่นนี้ ความไม่สงบทางการเมืองทำให้ “ความเชื่อมั่นในการลงทุนของบริษัทลดลง”

สำหรับการขึ้นมาเป็นผู้นำของลูกสาวนั้น ทักษิณระบุ

“เธอประสบความสำเร็จในการผสมผสานประการณ์ในฐานะนักการเมืองของผมกับความคิดของคนหนุ่มสาว” เขาให้เกียรติลูกสาวและไม่เคยให้คำแนะนำด้านนโยบายใดเป็นพิเศษ

กรณีอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว ผู้ถูกรัฐประหารในปี 2557 ที่ยังลี้ภัยอยู่ในต่างแดนจนถึงขณะนี้ ทักษิณกล่าวว่า เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นว่ายิ่งลักษณ์อาจกลับบ้านช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า

“ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรทำให้เธอไม่ได้กลับบ้าน ผมคิดว่าเธอน่าจะกลับก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับเวลา (ที่เหมาะสม) และโอกาส”

การที่อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้พ้นตำแหน่งเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ทักษิณยอมรับว่าเป็นเรื่อง “คาดไม่ถึง” ซึ่งนายกฯ แพทองธาร บุตรสาวของเขา “จับตาอย่างใกล้ชิดเพื่อมั่นใจได้ว่า เธอจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกัน”

ทักษิณแสดงความกังวลเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเพิกถอนฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองบ่อยครั้ง ตัวเขาเองยังมีคดีจากการแสดงความเห็นกับสื่อต่างประเทศเมื่อครั้งอดีต ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับนิกเคอิ ทักษิณไม่สนใจข้อกล่าวหาเหล่านั้นโดยมองว่า “เป็นข้อกล่าวหาไม่มีมูล” และมั่นใจว่าเขาจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ

 

อ้างอิง: Nikkei Asia