‘ทักษิณ’ คืนสังเวียน หัวขบวน 'ล้มส้ม-เซฟ ม.112'

‘ทักษิณ’ คืนสังเวียน  หัวขบวน 'ล้มส้ม-เซฟ ม.112'

แม้จะพยายามสร้างภาพลักษณ์ไม่ให้ยึดติดกับ “อนุรักษนิยม” มากนัก เพื่อรักษาจุดยืน “ขั้วเสรีนิยม” ของตัวเองไว้ แต่ภาพของ “ทักษิณ” ถลำลึก จนไม่สามารถกลับมายืนจุดเดิมได้อีกต่อไป  

KEY

POINTS

  • ยี่ห้อ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร บิ๊กบอสบ้านจันทร์ส่องหล้า หากจะขยับหมากการเมือง มักจะคำนวณความคุ้มค่าเอาไว้หมดแล้ว
  • เลือกลงพื้นที่สนามเลือกนายก อบจ. อุดรธานี เพราะมั่นใจว่าจะชนะ จึงเดินเกมปลุกฐาน “คนเสื้อแดง” จากเมืองหลวงคนเสื้อแดงแล้ว พ่วงใช้เป็นเวทีประกาศศักดา “ล้มส้ม” เอาชนะ “ธนาธร-พิธา”
  • แถมยังส่งสัญญาณยึดหัวหาดเบอร์หนึ่งในการปกป้อง “ขั้วอนุรักษนิยม” สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับ "หัวขบวนอนุรักษ์" 

ยี่ห้อ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร บิ๊กบอสบ้านจันทร์ส่องหล้า หากจะขยับหมากการเมือง มักจะคำนวณความคุ้มค่าเอาไว้หมดแล้ว ไม่เดินเกมมั่วนิ่ม เพราะหากสุ่มเสี่ยงอาจจะโดนไล่ต้อนจนเสียเหลี่ยม

การเปิดหน้าท้ารบ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า บิ๊กบอสขุนพลสีส้ม “เดอะทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ. อุดรธานี คราวนี้ “ทักษิณ” ตั้งใจเปิดเกมล่อปลามาติดเหยื่อ

ว่ากันว่า สนามนายก อบจ.อุดรธานี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ประเมินแล้วว่า “เดอะป็อบ” ศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำ “คณิศรี ขุริรัง” ผู้สมัครจากพรรคประชาชน โดยเฉพาะคะแนนจัดตั้งที่บรรดา “หัวคะแนน” พร้อมใจเทให้ “ป็อบ ศราวุธ”

แตกต่างจาก “คณิศรี” มุ่งไปที่คะแนนกระแส ไม่เน้นคะแนนจัดตั้ง เนื่องจากศักยภาพ “ฐานเสียงจัดตั้ง” ไม่ใช่เกมถนัดของ “ขุนพลสีส้ม” 

ทว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.หลายสนามที่ผ่านมา “ตัวแทนสีส้ม” มักพ่ายให้เกม “บ้านใหญ่” เนื่องจากปัจจัยการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นไม่เอื้ออำนวยให้ “พรรคสีส้ม” 

หนึ่ง ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ฐานเสียงสีส้มไม่กลับมาเลือกตั้งที่ภูมิลำเนา 

สอง การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ใช่การเลือกนายกฯ การสร้างกระแสจึงค่อนข้างยาก

เมื่อคำนวณจากองค์ประกอบของการเลือกตั้ง “ทักษิณ-เพื่อไทย” จึงมั่นใจว่า “ศราวุธ” สามารถเอาชนะ “คณิศร” แบบแบเบอร์ แถมมีโอกาสที่คะแนนจะทิ้งห่างหลายช่วงตัว

“ทักษิณ” จึงเลือกลงพื้นที่สนามเลือกนายก อบจ. อุดรธานี เพราะนอกจากจะปลุกฐาน “คนเสื้อแดง” จากเมืองหลวงคนเสื้อแดงแล้ว ยังจะใช้เป็นเวทีประกาศศักดา “ล้มส้ม” เอาชนะ “ธนาธร-พิธา” เพื่อต่อยอดกระแสให้กับ “พรรคเพื่อไทย”

ขณะเดียวกัน “ทักษิณ” ยังใช้เวที จ.อุดรธานี ถล่ม “ธนาธร” ปมเคยเตือนอย่ารื้อโครงสร้างสถาบัน ส่งสัญญาณขันอาสาเป็น “หัวขบวนอนุรักษนิยม” ทำสงครามกับ “แกนนำสีส้ม-ทีมแก้ ม.112”

แม้การอภิปรายบางช่วงบางตอนของ “ทักษิณ” จะพาดพิง “ขุนทหาร”กรณีโดนรัฐประหารด้วยตัวเอง “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดนรัฐประหาร แต่เป็นบทที่เขียนไว้ให้ต้องพูด เพื่อเรียกคะแนนสงสาร

โดยฉากหลัง “ทักษิณ” สามารถเคลียร์ตัวเองกับ “ขุนทหาร” ได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของบิ๊กบอสบ้านจันทร์ส่องหล้า กับ “บิ๊กรั้วสีเขียว” ภายหลังพรรคเพื่อไทยพลิกขั้วร่วมจัดตั้งรัฐบาล มีการพบปะพูดคุยทางลับกันหลายครั้งหลายครา

ต่อจากนี้ น่าจับตาบทบาทของ “ทักษิณ” ที่จะแจ่มชัดมากขึ้น โดยอาศัยเวทีการหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ. ในหลายจังหวัด ปราศรัยเรียกแต้มให้กับผู้สมัครในนาม “พรรคเพื่อไทย”

สัญญาณท้ารบจาก “นายใหญ่” ค่ายสีแดง ส่งตรงไปถึง “ธนาธร-พิธา” ในภารกิจ “ล้มส้ม” เพื่อยึดหัวหาดเบอร์หนึ่งในการปกป้อง “ขั้วอนุรักษนิยม” 

แม้จะพยายามสร้างภาพลักษณ์ไม่ให้ยึดติดกับ “อนุรักษนิยม” มากนัก เพื่อรักษาจุดยืน “ขั้วเสรีนิยม” ของตัวเองไว้ แต่ภาพของ “ทักษิณ” ถลำลึก จนไม่สามารถกลับมายืนจุดเดิมได้อีกต่อไป