ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ตลาดชั่งน้ำหนักข้อมูลจีน จับตาเฟด

ราคาน้ำมันดิบทรงตัว ตลาดชั่งน้ำหนักข้อมูลจีน จับตาเฟด

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันจันทร์ ความเชื่อมั่นต่อกิจกรรมการผลิตที่แข็งแกร่งในจีนถูกหักล้างด้วยความกังวลว่าเฟดจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนธันวาคม

รอยเตอร์สรายงาน (3 ธ.ค.) ว่า ในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ตามเวลาสหรัฐ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าลดลง 1 เซ็นต์ หรือ 0.01% ปิดตลาดที่ 71.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต ปิดที่ 68.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 10 เซ็นต์ หรือ 0.15%

การสำรวจภาคเอกชนแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการผลิตของ จีนขยายตัวสูงสุดในรอบ 5 เดือนในเดือนพฤศจิกายน ส่งผล ให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจจีนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ได้เพิ่มการคุกคามทางการค้า

ด้านการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอน ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่มั่นคงมากขึ้น เจ้าหน้าที่เลบานอนกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 รายในวันจันทร์ จากการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอนตอนใต้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวเมื่อวัน จันทร์ว่าอิสราเอลจะตอบโต้อย่างรุนแรงหลังจากกลุ่มติด อาวุธฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจาก อิหร่าน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้งด้วยการโจมตี ฐานทัพของอิสราเอล

กระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า แม้จะมี เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น แต่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง อิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนยังคง มีผลบังคับใช้

“ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเพิ่มขึ้น แม้ว่าข้อตกลง หยุดยิงจะมีผลบังคับใช้ในอิสราเอลแล้ว แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามี ความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับความชอบธรรมของข้อ ตกลงหยุดยิง” เดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายซื้อ ขายที่ธนาคาร BOK Financial กล่าว

ผู้ค้ายังจับตาดูพัฒนาการในซีเรีย โดยพิจารณาว่าการทวี ความรุนแรงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้อาจทำให้ความตึงเครียดใน ตะวันออกกลางขยายวงกว้างขึ้นและส่งผลกระทบต่ออุปทาน น้ำมันหรือไม่

ดัชนีราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดลดลงมากกว่า 3% ใน สัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับ อุปทานที่ลดลงจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและเฮซบ อลเลาะห์ และการคาดการณ์ปริมาณน้ำมันเกินความต้องการ ในปีหน้า2025 แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจะมีการลดการผลิต อย่างต่อเนื่อง

 องค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตนำ้มันเพื่อการส่งออก(โอเปก) และ พันธมิตร ซึ่งเรียกรวมกันว่าโอเปกพลัส OPEC+ ได้เลื่อนการ ประชุมครั้งต่อไปของกลุ่มออกไปเป็นวันที่ 5 ธันวาคม โดย แหล่งข่าวของ OPEC+ เปิดเผยกับรอยเตอร์สเมื่อสัปดาห์ที่ แล้วว่า กลุ่มจะหารือเกี่ยวกับการเลื่อนการเพิ่มปริมาณการ ผลิตน้ำมันตามแผน ซึ่งกำหนดจะเริ่มในเดือนมกราคม

จอร์จ พาเวล ผู้จัดการทั่วไปของกระดานเทรดหุ้นออนไลน์ Naga.com Middle East กล่าวว่า “ความสนใจจะอยู่ที่การ เลื่อนการเพิ่มปริมาณการผลิตตามแผน เนื่องจากการเลื่อน ออกไปอย่างไม่มีกำหนดอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านราคา ที่ลดลงได้”

การประชุมในสัปดาห์นี้จะตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายในช่วง ต้นปี 2025

แฮร์รี ทชิลิงกิเรียนจากกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการการเงินตลาด ค้าน้ำมัน Onyx Capital Group กล่าวว่า “ผู้บริหารด้านการ เงินยังคงลังเล ... ตลาดกำลังมองหาความชัดเจนระหว่าง ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ที่กำลังจะมาถึงและ นโยบายการผลิตน้ำมันของ OPEC+”

ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากความเห็นของกรรมการ เฟด โดยราฟาเอล บอสทิก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ แอตแลนต้า กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าเขาเปิดใจกว้างใน การพิจารณาว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหรือไม่ในการ

  ประชุมเดือนธันวาคมของเฟด โดยข้อมูลการจ้างงานที่จะมี ขึ้นในเร็วๆ นี้มีความสำคัญต่อการกำหนดการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดความต้องการน้ำมันลง