“เวียดนาม”รุกเศรษฐกิจดิจิทัลออกแผนปฏิบัติการระดับชาติ

“เวียดนาม”รุกเศรษฐกิจดิจิทัลออกแผนปฏิบัติการระดับชาติ

“เวียดนาม “ ออกแผนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลปี 2567 – 2568 กำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมดิจิทัลของเวียดนาม เน้น 4 ภารกิจสำคัญ เพิ่มขีดความสามารถประเทศ

KEY

POINTS

Key Point

  • เวียดนามออกแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจปี 2567 – 2568
  • แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจมีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม
  • ดำเนิน 4 ภารกิจ ประกอบด้วย  การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคส่วนเฉพาะ  การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ที่ การบริหารจัดการข้อมูลดิจิทัล ที่ และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในหน่วยงานรัฐ
  • การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามในตลาดโลก

เว็ปไซต์จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ  โดยสํานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามรายงานว่า  เวียดนามได้ออกแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งกำหนดภารกิจและแนวทางสำคัญสำหรับช่วงปี 2567 – 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ใน Decision No. 411/QĐ-TTg ลงวันที่ 31 มี.ค. 2565 ซึ่งเป็นเอกสารที่กำหนดยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมดิจิทัลของเวียดนาม โดยมีเป้าหมายสำคัญสำหรับการพัฒนาในปี 2568 และกำหนดวิสัยทัศน์ระยะยาวจนถึงปี 2573

แผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลและการใช้ข้อมูลดิจิทัลเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการผลิตและดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจโดยรวม

โดยแผนปฏิบัติการนี้ประกอบด้วย 4 ภารกิจและแนวทางสำคัญ ได้แก่ การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคส่วนเฉพาะ ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมหลักที่เวียดนามมีศักยภาพ เช่น การค้าส่งและค้าปลีก การเกษตร การผลิต การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์

การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ที่เน้นการวางรากฐานของระบบ ICT ให้มั่นคง เพื่อเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล 

การบริหารจัดการข้อมูลดิจิทัล ที่ส่งเสริมการสร้างชุดข้อมูลคุณภาพสูง พร้อมทั้งการหมุนเวียน การแบ่งปัน และการเปิดเผยข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในหน่วยงานรัฐ โดยทดลองใช้แพลตฟอร์มผู้ช่วยเสมือนในหน่วยงานรัฐ เพื่อช่วยในการร่างเอกสาร ปฏิบัติภารกิจสาธารณะ และให้บริการประชาชน

รายงานประจำปีว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Google, Temasek และ Bain & Company ในหัวข้อ Profits on the Rise, Harnessing SEA’s Advantage ซึ่งเป็นการศึกษาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยครอบคลุม 6 ภาคส่วนหลัก ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ การจัดส่งอาหาร การขนส่ง การท่องเที่ยวออนไลน์ สื่อออนไลน์ และบริการทางการเงิน

โดยผลการศึกษาพบว่า มูลค่ารวมสินค้าและบริการดิจิทัล (Gross Merchandise Value: GMV) ของเวียดนามในปี 2567 คาดว่าจะมีมูลค่า 36,000 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น  16  % โดยอีคอมเมิร์ซจะมีมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น  18 %  และเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักของของเศรษฐกิจดิจิทัล

ในขณะที่การท่องเที่ยวออนไลน์ของเวียดนามคาดว่าจะมีมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์  ในปี 2568 เติบโตเพิ่มขึ้น 16  %  และสื่อออนไลน์ของเวียดนามมีการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค โดยในปี 2567 คาดว่า GMV จะเพิ่มขึ้นถึง 6,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14 %และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2573 

ภาคการให้บริการรถโดยสาร (ride-hailing) ของเวียดนามมีการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ให้บริการในประเทศและรถยนต์ไฟฟ้า และคาดว่า GMV ของภาคการขนส่งและอาหารจะมีมูลค่าถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12 %

ทั้งนี้ การศึกษา การตลาด และการดูแลสุขภาพ เป็น 3 อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนความสนใจในการค้นหาด้าน AI ในประเทศ โดยนครโฮจิมินห์และนครดานัง เป็นพื้นที่ที่มีความต้องการด้าน AI สูงที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ เวียดนามกำลังพัฒนาภาคส่วนเกมออนไลน์ โดยมีนักพัฒนาเกมที่มีพรสวรรค์และระบบนิเวศที่สนับสนุน ทำให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมสำหรับเกมมือถือ

ส่วนในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด รัฐบาลเวียดนามได้ออกมาตรการส่งเสริม เช่น การใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallets) การชำระเงินผ่าน QR code และได้ริเริ่มมาตรการเพื่อกำหนดมาตรฐานระบบการชำระเงินและเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้การใช้เงินสดลดลงอย่างต่อเนื่อง

สคต. ณ นครโฮจิมินห์ ให้ความเห็นว่า   การที่เวียดนามมุ่งมั่นผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านแผนปฏิบัติการระดับชาติ มีผลกระทบทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยเพิ่มสัดส่วนของภาคดิจิทัลใน GDP ของเวียดนาม ซึ่งอาจผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น โดยเฉพาะจากภาคอีคอมเมิร์ซ การเงินดิจิทัล และบริการออนไลน์ และเสริมสร้างโอกาสในภาคการผลิตและการเกษตร เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการผลิตและการเกษตรจะทำให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

นอกจากนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามในตลาดโลก โดยเฉพาะการใช้ AI และ บล็อกเชน ในภาคธุรกิจต่าง ๆ และด้วยแผนการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ซึ่งจะมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอาจเสี่ยงต่อการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งอาจมีช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีในพื้นที่ชนบทและกลุ่มประชากรที่มีรายได้น้อย ซึ่งอาจทำให้บางกลุ่มไม่สามารถได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้

การที่เวียดนามมุ่งมั่นผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเข้ามามีบทบาทในตลาดเวียดนาม โดยในด้านการลงทุนสามารถลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหรือร่วมทุนกับบริษัทเวียดนามที่มีศักยภาพในการเติบโตในภาคดิจิทัล เช่น AI  blockchain และ e-commerce เพื่อขยายตลาดและร่วมสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

ส่วนในด้านการร่วมมือด้านเทคโนโลยี ผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการเงินดิจิทัลและการชำระเงินผ่าน e-wallets หรือ QR code payments สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีมาร่วมพัฒนาและส่งเสริมการใช้ระบบดิจิทัลในเวียดนาม

ส่วนผู้ประกอบการไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์สามารถนำเสนอเครื่องมือและเทคนิคการตลาดดิจิทัล เช่น การใช้ โซเชียลมีเดีย ให้กับบริษัทเวียดนามที่ต้องการขยายตลาด อย่างไรก็ดี ยังคงมีความท้าทายที่ผู้ประกอบการไทยต้องพิจารณา ทั้งในเรื่องของการแข่งขันในตลาด ข้อบังคับทางกฎหมาย ช่องว่างดิจิทัล และ การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี การศึกษาและฝึกอบรม รวมถึงกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับลักษณะตลาดเวียดนาม