'เอกนัฏ' ชูธง! ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจใหม่ ภายในงาน 52 ปี กนอ.
“เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ชูธง! ปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย สู่เศรษฐกิจใหม่ ภายในงาน 52 ปี ฉลองสุดยิ่งใหญ่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานกล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในโอกาสครบรอบ 52 ปี การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย I-EA-T Spirit : Empowering Sustainable Future “52 ปี กนอ. เสริมสร้างอนาคตนิคมฯ ไทย ก้าวต่อไปสู่ ความยั่งยืน” วานนี้ (13 ธ.ค.67) ณ ห้อง Ballroom 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ภารกิจหลักของกระทรวงอุตสาหกรรมคือการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้เติบโต ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงสภาพภูมิอากาศโลก กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจใหม่” สะอาด สะดวก โปร่งใส เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว เติบโต และมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้นในระยะยาว
นายเอกนัฏ ยังได้เน้นย้ำถึงแนวทางการปรับทิศทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้สอดรับกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ในนโยบายหลักของตนเอง ทั้งการปรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ ปกป้อง SMEs ไทย สร้างความเท่าเทียมในการแข่งขัน สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาคน ส่งเสริมการ Up-skill สร้างบุคลากรศักยภาพสูง รวมทั้งทำลายอุปสรรคและผลักดันประเทศไทยให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
“ผมขอชื่นชม กนอ.ที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และหวังว่านิคมอุตสาหกรรมจะเป็นจุดหมายหลักของการลงทุนและสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศชาติต่อไป”นายเอกนัฏ กล่าว
ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่า กนอ. กล่าวเสริมว่า ตลอดระยะเวลา 52 ปีที่ผ่านมา กนอ. ได้ทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทย ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม 70 แห่ง 1 ท่าเรือฯ ใน 17 จังหวัด สร้างการลงทุนให้กับประเทศเป็นมูลค่ากว่า 17 ล้านล้านบาท และสร้างการจ้างแรงงานในนิคมฯ กว่า 1 ล้าน 3 หมื่นคน
โดยก้าวต่อไป กนอ. มุ่งสู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart I.E.) และนิคมอุตสาหกรรมตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG I.E) ตามมาตรฐานสากล โดยได้ปรับเปลี่ยนองค์กรให้พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ของโลก ทั้งในด้าน Digital Transformation และ Green Transition เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย
“กนอ. ขอขอบคุณพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ กนอ. ก้าวมาถึง 52 ปี ในวันนี้” นายสุเมธ กล่าว