ไทย – มาเลย์ฯ ยกระดับความร่วมมือตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้า 1 ล้านล้าน ปี 2570
ประชุมผู้นำไทยมาเลเซียชื่นมื่น นายกฯ แพทองธาร พร้อมดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมกันยืนยันศักยภาพความร่วมมือเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ความเชื่อมโยง สันติภาพในภูมิภาค ตั้งเป้าการค้า 2 ประเทศแตะ 1 ล้านล้านในปี 2570 พร้อมเชิญเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
วันนี้ (16 ธันวาคม 2567) เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น โดยเวลาที่กรุงเทพฯ ช้ากว่ามาเลเซีย 1 ชั่วโมง) ณ ห้อง Dewan Putra ชั้น 3 สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยนบันทึกความร่วมมือ (MOU) ดังนี้
(1) บันทึกความเข้าใจระหว่าง Malaysian Rubber Board (MRB) กับการยางแห่งประเทศไทย เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
และ (2) ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งมาเลเซีย และรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีไทย และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียร่วมแถลงข่าว ภายหลังการประชุมประจำปี ครั้งที่ 7 โดยนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ
โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะรักษาพลวัตความสัมพันธ์เพื่อ “สันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” (“Common Peace and Prosperity) และไทยสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย ในปี 2025 พร้อมเน้นประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะให้ความสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการค้า และการลงทุน การเชื่อมโยงชายแดน เศรษฐกิจดิจิทัล และการท่องเที่ยว
2.ส่งเสริมศักยภาพความร่วมมือในอุตสาหกรรมยาง และฮาลาล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ไทย และมาเลเซีย จะเดินหน้าเพื่อบรรลุเป้าหมายการค้า 30,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2570 ด้วย
3.ความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่สองประเทศเผชิญอยู่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ ไทย และมาเลเซีย ยินดีที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานชายแดนมีความคืบหน้า และพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อยกระดับการเชื่อมโยงทางถนน และทางราง เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าชายแดน และให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนมากขึ้น
โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ 2 ฉบับเกี่ยวกับความร่วมมือด้านยางและวัฒนธรรม ซึ่งเชื่อมั่นว่า เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของสองประเทศ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำหรับมิตรภาพ และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในศักยภาพความร่วมมือระหว่างกันที่จะก้าวไปข้างหน้าในอนาคต และความสำคัญของการพบปะหารือกันเป็นประจำ พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนประเทศไทยในโอกาสต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ ณ ห้อง Protocol ทำเนียบนายกรัฐมนตรี มาเลเซีย ก่อนเดินทางกลับถึงประเทศไทยในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์