กฤษฎีกาตีความ กิตติรัตน์ เป็นนักการเมือง ขาดคุณสมบัตินั่งประธานแบงก์ชาติ

กฤษฎีกาตีความ กิตติรัตน์ เป็นนักการเมือง  ขาดคุณสมบัตินั่งประธานแบงก์ชาติ

คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความชัด "กิตติรัตน์" เป็นนักการเมือง แม้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯไม่รับเงินเดือน ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ชี้อ้างไม่ได้เป็นนักการเมือง เป็นความเข้าใจจากการตีความของ "ดร.วิษณุ" เท่านั้น

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำหนังสือตอบคำถามของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ที่สอบถามเรื่องคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.

โดยคณะกรรมการกฤษฎีการะบุชัดว่าแม้ว่านายกิตติรัตน์ จะดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และไม่รับเงินเดือนแต่ตำแหน่งนี้เท่ากับตำแหน่งทางการเมืองทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่ขาดคุณสมบัติ 

ทั้งนี้ มีการอธิบายด้วยว่าในความเข้าใจของสังคมที่ระบุว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นนักการเมือง เป็นการตีความจากการอธิบายของ ดร.วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่เมื่อดูจากข้อกฎหมายแล้วตำแหน่งนี้เท่ากับเป็นนักการเมือง

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดแบงก์ชาติ) คาดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะรายงานความเห็นมายังที่ตน ขณะนี้มีแต่ความเห็นจากคนนั้นคนนี้ ซึ่งต้องรอความเห็นจากกฤษฎีกาก่อน

“หากคุณสมบัติของนายกิตติรัตน์ ไม่ผ่านตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ก็ต้องคุยกันใหม่ว่าจะเสนอใคร เพราะจะเหลือแค่ตำแหน่งเดียวต้องรีบเสนอใหม่ เชื่อว่าคณะกรรมการสรรหาสแตนบายพร้อมอยู่ทุกเรื่อง ส่วนหากจะเสนอตัวสำรองก็มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า จะเสนอโดยกระทรวงการคลังฝ่าย 1 และธนาคารแห่งประเทศไทยฝ่าย 1 ซึ่งจะต้องดูองค์ประกอบด้วยว่าครบหรือไม่ หากคุณสมบัติตัวสำรองครบตามเกณฑ์ก็สามารถเสนอได้ ตอนนี้ขอตรวจคุณสมบัติตัวสำรองให้ครบถ้วนก่อน”

อย่างไรก็ตาม รักษาการประธานบอร์ดแบงก์ชาติสามารถรักษาการอยู่จนกว่าท่านจะลาออก หากท่านยื่นลาออกก็ต้องรีบสรรหาประธานบอร์ดคนใหม่ พร้อมยืนยันว่าจะรีบดูไม่ให้เกิดความเสียหาย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์