เป้าหมายเศรษฐกิจปี 68 รัฐบาลปั้น GDP โตมากกว่า 3%
รัฐบาลเล็งเติมเม็ดเงินผ่านมาตรการคลังต่อเนื่องเพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 68 เริ่มต้นปีแจกเงินหมื่นเฟส 2 เม็ดเงิน 4 หมื่นล้านบาท ต่อด้วยดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสถัดไปอีก 1.4 แสนล้านบาท มาตรการการเงินจะมีบทบาทสำคัญในปี 68 โดยคลัง-ธปท. ร่วมดันเงินเฟ้อถึง 2%
KEY
POINTS
- รัฐบาลเล็งเติมเม็ดเงินผ่านมาตรการคลังต่อเนื่องเพื่อรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 68
- เริ่มต้นปีแจกเงินหมื่นเฟส 2 เม็ดเงินโครงการ 4 หมื่นล้านบาท ต่อด้วยดิจิทัลวอลเล็ตในเฟสถัดไปอีก 1.4 แสนล้านบาท
- มาตรการการเงินจะมีบทบาทสำคัญในปี 68 โดยคลัง-ธปท. ร่วมดันเงินเฟ้อถึง 2%
แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งจากปัจจัยภายนอก เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามการค้า 2.0 รวมถึงความท้าทายภายในจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงตั้งเป้าหมายว่าเศรษฐกิจไทยปั 2568 จะขยายตัวได้ถึง 3%
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงหารคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลตั้งเป้าการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2568 มากกว่า 3% ซึ่งสูงกว่าที่หลายหน่วยงานคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวได้ราว 2.9%
เช่นเดียวกับการคาดการณ์ในปีนี้ ที่มีปัจจัยกดดันหลายด้าน แต่ด้วยการทำงานของรัฐบาลและกลไกด้านการคลังส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจดีขึ้นตามลำดับจากไตรมาสแรก ทำให้ทั้งปี GDP อยู่ในระดับ 2.7-2.8%
"แต่นั่นยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของรัฐบาล เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพ และการเติบโตในระดับที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้คนไทยได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นในปีหน้ารัฐบาลจึงหวังให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่า 3%"
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2568 รัฐบาลจะใช้กลไกมาตรการทางการคลังที่มีอยู่อย่างจำกัด ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อเข้ามาช่วยรักษาโมเมนตัมการเติบโตของเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เติมเม็ดเงินกว่า 1.45 แสนล้านเข้าสู่ระบบผ่านโครงการเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับกลุ่มเปราะบาง ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการไปในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2567
ขณะที่ในช่วงเดือนธ.ค.2567 ได้ดำเนินการโอนเงินโครงการไร่ละ 1,000 บาท เพื่อดูแลเกษตรกร วงเงินรวม 3.5 หมื่นล้านบาท
โดยกระทรวงการคลังเตรียมมอบของขวัญปี 2568 ให้ประชาชนต่อเนื่อง ประกอบด้วย
เดือนม.ค. 2568 จะเริ่มโอนเงินโครงการเงินหหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นเงินสดผ่านระบบพร้อมเพย์ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท
จากนั้นภายในไตรมาส 2 จะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 สำหรับประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนสำเร็จผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” โดยมีวงเงินงบประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วงต้นปี 2568 จะเริ่มเดินหน้าการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในเฟสแรก ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ NPL ไม่เกิน 1 ปี คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยลดสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลง 10%
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีแนวทางร่วมกันผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวถึงค่ากลางที่ 2% ตามข้อตกลงในการดำเนินนโยบายการเงินในปี 2568 กำหนดกรอบเงินเฟ้อที่ 1-3%
“ในปีหน้าทิศทางเงินเฟ้อคาดว่าจะสูงขึ้นจากมาตรการทางการคลังซึ่งเป็นเม็ดเงินขนาดใหญ่ที่เตรียมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt และมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีงบประมาณและพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ที่จำกัด ดังนั้นจะต้องพิจารณาการใช้มาตรการทางการคลังให้มีความเหมาะสมในแต่ช่วงเวลา เพื่อให้เกิดการกระจายเม็ดเงินอย่างครอบคลุม
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการใช้มาตรการทางการเงินจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียว หากคลังเหยียบคันเร่งก็ต้องทำร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีการพูดคุยกันมากขึ้นและมองความจำเป็นทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกันมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา
"เป้าหมายเงินเฟ้อในปีหน้าต้องเข้าสู่ค่ากลางที่ 2% ซึ่งที่ผ่านมาแม้กรอบเงินเฟ้อจะอยู่ระหว่าง 1-3% แต่เงินเฟ้อจริงเข้ากรอบล่างเท่านั้น ซึ่งเราไม่อยากเห็นแบบนั้นแล้ว"