หอการค้า ชี้ศรษฐกิจไทยปี 68 ท้าทาย ห่วงครึ่งปีหลังไร้กระสุนกระตุ้นเศรษฐกิจ

หอการค้า ชี้ศรษฐกิจไทยปี 68 ท้าทาย ห่วงครึ่งปีหลังไร้กระสุนกระตุ้นเศรษฐกิจ

หอการค้าฯ มองเศรษฐกิจไทยปี 68 โต 2.4-2.9% ห่วงครึ่งปีหลังไร้กระสุนกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐหารายได้เพิ่ม เชื่อการเมืองมีเสถียรภาพ แนะปัดฝุ่น “คนละครึ่ง” หรือโครงการ “คูณสอง”กลับมาใช้กระตุ้นจับจ่ายใช้สอย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจปี 68  ยังมีความท้าทาย โดยเฉพาะมาตรการด้านการค้าของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ  ที่ทั่วโลกและไทยจับตาเป็นพิเศษ อาจจะมีผลกระทบกับหลายประเทศทั่วโลก  อย่างไรก็ตามหอการค้าไทยคาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวได้ราว 2.4-2.9% ขณะที่การส่งออกจะขยายตัว 1.5-2.5% ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.8-1.2%  ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ

โดยปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลจากภาพการส่งออกปีที่ผ่านมาโตต่อเนื่อง เพราะหลายประเทศกำลังเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนที่จะถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษี

ส่วนเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังน่าเป็นห่วงมาก เพราะมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐจะมีผล และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งหารายได้เพิ่มเพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุดของรัฐบาล

คงต้องติดตามว่า รัฐบาลจะหารายได้เพิ่มวิธีไหนที่จะทำให้รายรับเพิ่มขึ้น โดยหน่วยงานที่ดูแลนโยบายด้านการเงินและด้านการคลังควรประสานการทำงานร่วมกันในการหาเม็ดเงินเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการหารายได้เพิ่มขึ้นของรัฐบาลทางหนึ่งก็คือ การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 7% จะปรับเป็น 15%   ซึ่งเอกชนยังไม่เห็นด้วยหากว่ามีการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงเศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรง เพราะจะส่งผลกระทบต่อรายได้ประชาชน และอาจทำให้เศรษฐกิจภาพรวมชะลอตัวได้ แต่หากจำเป็นควรปรับขึ้น ควรค่อยเป็นค่อยไป

ด้านต่างประเทศจะต้องเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเร่งแก้ไขปัญหาความไม่เชื่อมั่นในตลาดจีน ที่เกิดขึ้นจากปัญหาดาราซิงซิงที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย เพราะจีนเป็นตลาดหลักของไทย รวมทั้งเร่งหามาตรการดึงดูดให้คนอินเดียเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่ม ด้านการส่งออกจะต้องมีการผลักดันการส่งออกสินค้าตัวใหม่ ๆ ที่ผลิตภายในอีอีซีให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก

“หอการค้าไทยห่วงเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง  ซึ่งสิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องหาทางออก ขณะเดียวกันรัฐบาลต้องหารายได้เข้ามาไม่เช่นนั้น เศรษฐกิจไทยจะไม่มีกระสุน ซึ่งหอการค้าไทยมองว่ารัฐบาลควรนำโครงการ “คนละครึ่ง” หรือโครงการ “คูณสอง” ออกมาใช้เพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเป็นการดึงเงินจากกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อให้ออกมาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้”นายสนั่น กล่าว

 

 

นายสนั่นกล่าวถึงเสถียรภาพทางการเมืองหลังมีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ในเดือน เม.ย.ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องปกติของรัฐบาล โดยรัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศต่อได้ โชคดีที่ประเทศไทยที่ผ่านมา แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่นโยบายยังคงเส้นคงวา ต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่น ขณะที่ไทยเองยังมีมาตรการต้อนรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ

ส่วนการดูแลกรณีสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศทะลักเข้าไทย โดยเฉพาะสินค้าจากจีนนั้น นายสนั่นกล่าวว่าทางหอการค้าไทยอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางที่เป็นมาตรการทางการค้าของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน เพื่อเตรียมเสนอให้กับรัฐบาลใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับการดูแลและปกป้องการค้าระหว่างประเทศของไทย ซึ่งคาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือน ก.พ.นี้