SCG จับตานโยบาย 'ทรัมป์' ดัมพ์ราคาน้ำมัน หนุนปัจจัยบวกปีนี้

SCG ประเมินปัจจัยบวกปีนี้ มาตรการทรัมป์กดราคาน้ำมันหนุนต้นทุนธุรกิจลดลง ขณะที่การเบิกจ่ายรัฐบาลดันโครงการก่อสร้างเพิ่ม และเศรษฐกิจในอาเซียนยังคงบวกต่อเนื่อง คาดรายได้ยังโตระดับ 3 – 5% คงกระแสเงินสดในมือมากกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% ส่วนกำไรอยู่ที่ 6,342 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 76% แต่พบว่ามี กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (EBITDA) 53,946 ล้านบาทใกล้เคียงปี 2566 ผลจากการบริหารจัดการภายในมีการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ผลักดันนวัตกรรมมูลค่าเพิ่มสูง และเน้นลงทุนโครงการที่มีผลตอบแทนสูงและเร็ว
ขณะที่แนวโน้มในปี 2568 บริษัทประเมินว่าจะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับลดลงจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนในการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่จะทำให้เกิดการลงทุนในประเทศ ธุรกิจกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะได้รับอานิสงส์ รวมไปถึงเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่เติบโต ทำให้ธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทเป็นบวก
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดการณ์ว่าในปีนี้ จะมีรายได้เติบโตระดับ 3-5% รวมทั้งจะมีกระแสเงินสดในมือไม่ต่ำกว่า 54,000 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนตั้งเป้าไว้ราว 30,000 – 35,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทจะมีเงินสดเหลือประมาณ 20,000 ล้านบาท เพื่อบริหารสภาพคล่อง และสามารถนำไปลดหนี้สินเพิ่มเติม จากที่ปัจจุบันคงเหลือหนี้สินสุทธิลดลง 16,777 ล้านบาท
โดยธุรกิจที่บริษัทจะลงทุนเพิ่มเติมในปี 2568 ยังคงเน้นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต ให้ผลตอบแทนที่สูงและเร็ว อาทิ ปูนคาร์บอนต่ำ และแพ็กเกจจิ้ง ขณะเดียวกันบริษัทยังมองโอกาสในการขยายตลาดใหม่ อาทิ อเมริกาเหนือ และออสเตรเลีย รวมไปถึงบริษัทยังคงประเมินปิดกิจการธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่มีศักยภาพในการทำรายได้ โดยเชื่อว่าการวางแผนธุรกิจเหล่านี้จะทำให้ภาพรวมในปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะเป็นอีกแห่งความผันผวนแต่ก็เชื่อว่าจะมีปัจจัยบวกที่สนับสนุน
นายธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ปีนี้ต้องจับตาปัจจัยต่างๆ เพราะถือเป็นปีแห่งความผันผวนจากผลพวงของนโยบายทรัมป์ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก แต่ในแง่บวกมองว่าจากนโยบายที่ทรัมป์ประกาศเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ย่อมส่งผลดีต่อต้นทุนธุรกิจปิโตรเคมีคอลลดลง อีกทั้งการประเมินผลกระทบจากตลาดจีนจะทะลักจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐ บริษัทจะใช้โอกาสนี้ในการเจาะตลาดสหรัฐเพื่อส่งออกสินค้าแทน
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) กล่าวว่า เชื่อว่าภายหลังช่วงตรุษจีนนี้จะเห็นความชัดเจนของการดำเนินนโยบายปรับลดราคาน้ำมันของทรัมป์ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซิน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อต้นทุนในการผลิต
ขณะที่ความคืบหน้าของการจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนเพื่อลดต้นทุนการผลิตเม็ดพลาสติกนั้น ล่าสุด เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ได้เร่งลงทุนโครงการ LSP เป็นสัญญาจัดหาวัตถุดิบก๊าซอีเทนอีก 1 ล้านตันต่อปี ระยะเวลา 15 ปี วงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ ลดการใช้งบได้ 200 ล้านดอลลาร์ จากเดิมตั้งงบไว้ 700 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทจะคุ้มทุนเร็วขึ้น เพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะยาว โดยจะเช่าเรือขนส่งก๊าซอีเทนระยะยาวอีก 3 ลำ และจะเร่งจัดหารือในส่วนที่เหลืออีก 2 ลำ พร้อมสร้างถังเก็บ และปรับปรุงโรงงานให้พร้อมรับก๊าซอีเทนในปี 2570
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์