นักวิชาการจี้รัฐกำหนดความชัดเจน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR

นักวิชาการจี้รัฐกำหนดความชัดเจน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR

"พรายพล คุ้มทรัพย์" นักวิชาการพลังงาน จี้รัฐบาลเร่งกำหนดความชัดเจน ตั้ง "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR" เร่งประเทศสู่ Net Zero

KEY

POINTS

  • รัฐบาลควรกำหนดแผนงานที่ชัดเจน ทั้งการออกกฎหมายและกฎระเบียบในด้านการกำกับดูแล มาตรการ และมาตรฐานความปลอดภัย
  • นิ

ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างปรับปรุงร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 หรือ PDP2024 โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญที่บรรจุไว้ปลายแผนคือการสนับสนุนให้มีการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR (Small Modular Nuclear Reactor) จำนวน 600 เมกะวัตต์

นายพรายพล คุ้มทรัพย์ อดีตคณบดีและอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการกองทุน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แนวทางในการปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน คือ สนับสนุนให้มีการสร้างโรงไฟฟ้า SMR เพื่อจะเป็นทางออกที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหากประเทศไทยต้องการจะไปให้ถึงเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 (พ.ศ. 2608)

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโรงไฟฟ้า SMR นั้นได้มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ก้าวหน้าไปมาก จากการที่ร่างแผน PDP2024 ได้กำหนดให้มีการสร้างโรงไฟฟ้า SMR ในปลายแผนจึงเป็นเรื่องที่ดีที่ควรสนับสนุนและผลักดันให้เห็นผลจริง

“รัฐบาลควรกำหนดแผนงานที่ชัดเจน ทั้งด้านการเข้าเป็นภาคีในพิธีสารระหว่างประเทศเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ การออกกฎหมายและกฎระเบียบในด้านการกำกับดูแล มาตรการ และมาตรฐานความปลอดภัย การเตรียมความพร้อมที่จำเป็น การสร้างบุคลากร การกำหนดสถานที่ตั้ง และการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน”

นายพรายพล กล่าวว่า นิวเคลียร์จะช่วยทำให้ระบบการผลิตไฟฟ้าในไทยมีความมั่นคงและยั่งยืนมากขึ้น เพราะสามารถผลิตไฟได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลาหลายวันสามารถทดแทนโรงไฟฟ้าฟอสซิลที่นอกจากสร้างก๊าซเรือนกระจกแล้ว ในบางเวลาราคาเชื้อเพลิงยังสูงด้วย จึงเชื่อว่าจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว ที่ต้นทุนจะถูกกว่าปัจจุบัน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำลังศึกษาคือขนาดของโรงไฟฟ้า SMR จะมีต้นทุนที่ถูกกว่าโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ส่วนต้นทุนการผลิตต่อหน่วยอาจจะต้องดูอีกครั้ง เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ ตอนนี้หลายประเทศคิดค้น บางประเทศเริ่มผลิตแล้ว เช่น จีน ที่เตรียมเปิดขายได้เชิงพาณิชย์ระยะเริ่มต้น 150 เมกะวัตต์ คาดว่าอนาคตเมื่อผลิตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องต้นทุนจะถูกลง”

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ คือค่าวัตถุดิบที่เป็นแร่ยูเรเนียมที่ราคาค้อนข้างคงที่ ซัพพลายไม่มีปัญหาไม่เหมือนเชื้อเพลิง LNG ที่นำเข้าในปัจจุบัน ส่วนค่าลงทุนก่อสร้างอนาคตตามปลายแผน PDP อีก 15-20 ปี คาดว่าจะถูกลง จึงต้องดูทั้งเทคโนโลยีและต้นทุนที่ต้องแข่งขันได้ อีกทั้ง โรงไฟฟ้า SMR ใช้พื้นที่ราว 1 กิโลเมตร ซึ่งจีนใช้ AI และอุปกรณ์อัตโนมัติ สามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ต้องใช้คนเข้าไปบริหารจัดการภายใน ต่างจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พื้นที่ 5-10 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้หลายประเทศมีต้นแบบให้ศึกษามากพอสมควร ทั้งต้นทุน เทคโนโลยี จะเห็นว่า กฟผ. ได้ศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาพอสมควร จึงน่าจะเกิดขึ้นในไทยไม่ยาก เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่มีความปลอดภัยสูง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่จะให้เกิด คือ การให้ความรู้ประชาชนโดยเฉพาะความปลอดภัย วิธีการทำงาน เพื่อให้ประชาชนยอมรับ

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความต้องการใช้น้ำจำนวนมหาศาลดังนั้น พื้นที่เหมาะสม คือ 1. ใกล้เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำก็ต้องอยู่ใกล้ทะเล 2. ไกลผู้คนในระดับหนึ่ง เพราะเป็นโรงแรกต้องสร้างความปลอดภัยและเตรียมรับมือกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเตรียมพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะกฎหมายหรือตั้งองค์กรที่เกิดขึ้นมากำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยเฉพาะ และทำให้ได้ภายใน 5 ปีนี้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่รองรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยเฉพาะ”

นายพรายพล กล่าวว่า ส่วนระยะเวลาการก่อสร้าง เมื่อเป็นโรงไฟฟ้าแรกอาจใช้เวลาโดยเฉพาะการเตรียมพื้นที่ บุคลากรระดับ 10 ปี ดังนั้น หากเริ่มทันทีในตอนนี้เชื่อว่าน่าต้องเกิดขึ้นได้ทัน ส่วนราคาต้นทุนหากเทียบโรงไฟไฟ้านิวเคลียร์ของจีนที่เป็น SMR กำลังผลิตราว 150 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนราว 30,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงคาดว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกที่ กฟผ. สร้างตามแผนขนาด 300 เมกะวัตต์ จะอยู่ระดับเกือบ 1 แสนล้านบาท ดังนั้น สิ่งสำคัญคือผลิตไฟฟ้าออกมาแล้วต้นทุนต้องสู้ได้กับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลได้

"ต้นทุนจีนตอนนี้อยู่ระหว่าง 2-5 บาทต่อหน่วย ดังนั้น เมื่อถึงเวลาทำจริงๆ ก็อาจจะอยู่ระดับ 2 บาท และมีราคาคงที่ เพราะสิ่งสำคัญคือราคาแร่มีความคงที่เพราะการนำเข้าซัพพลายมีความมั่นคงหาง่ายทั้งจาก จีน สหรัฐ ออสเตเรีย อินโดนีเซีย ฯลฯ ล้วนเป็นประเทศที่ไม่มีแนวโน้มที่ไปผูกขาดได้

นายพรายพล กล่าวว่า สิ่งสำคัญของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ หากมองไปอีก 20-30- ปีข้างหน้า จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตของไทย แต่เทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่โลกมีความหวังสูงสุดคือ เทคโนโลยีประเภทฟิวชั่น หากเทียบนิวเคลียร์ปัจจุบันอาศัยการแตกตัวของอะตอมที่ยังมีอันตรายเพราะยังมีกากเชื้อเพลิง จึงต้องบริหารจัดการว่าจะกำจัดหรือนำมาใช้ใหม่ แต่เทคโนโลยีอนาคตที่อยู่ระหว่างศึกษา คือ เทคโนโลยีการหลอมรวมตัวของอะตอมที่ให้ความร้อนเหมือนดวงอาทิตย์

ดังนั้น หากสามารถเอาชนะเทคโนโลยีดังกล่าวได้จะปลอดภัยมากขึ้น จะไม่มีกากเชื้อเพลิง จึงเป็นความหวังของโลก ซึ่งประเทศไทยจะต้องเกาะเทรนด์ให้ได้ด้วย เพราะถ้ามีนิวเคลียร์ SMR ได้ ในอนาคตอีก 20-50 ปีข้างหน้า เจนใหม่ก็จะสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ต่อไปได้

“สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ 1. อนุมัติร่างแผน PDP 2. เตรียมกฎหมาย บุคลากร องค์กรที่เกี่ยวข้อง กำกับดูแล มาตรฐาน 3. อุตสาหกรรมที่จะมาซัพพอร์ต เช่น การซ่อม อะไหล่ แม้ปัจจุบันมีแต่ก็ต้องเพิ่มให้มากขึ้น 4. เลือกเทคโนโลยี และ 5. ให้ความรู้ประชาชนโดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย ข้อนี้สำคัญสุด”

รายงานข่าว ระบุว่า ช่วงปลายปี 2567 นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้นำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปศึกษาดูงานการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR “Linglong-1” ของ China National Nuclear Corporation (CNNC) รัฐวิสาหกิจที่บริหารจัดการพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศจีน ตั้งอยู่ที่มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยชี้ให้เห็นว่าโรงไฟฟ้า SMR เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการออกแบบให้มีขนาดเล็กลง

อีกทั้ง ยังมีความปลอดภัยที่สูงขึ้น จากการลดความซับซ้อนของอุปกรณ์ ออกแบบให้ระบบเชื้อเพลิงและระบบผลิตไอน้ำอยู่ภายในโมดูลปฏิกรณ์แบบสำเร็จรูปจากโรงงาน โดยใช้เทคโนโลยีน้ำอัดแรงดัน หรือ PWR (Pressurized Water Reactor) ซึ่งใช้น้ำเป็นตัวกลางระบายความร้อน สามารถหยุดการทำงานได้เองเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ระบบระบายความร้อนไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้า

ส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้คือ ยูเรเนียมออกไซด์ (ความเข้มข้นของ U-235 น้อยกว่า 5%) ปล่อยพลังงานความร้อนจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเปลี่ยนเชื้อเพลิงนานถึง 24 เดือน มีอายุการใช้งานถึง 60 ปี โดยใช้ขนาดพื้นที่ของโรงไฟฟ้าเพียง 125 ไร่

สำหรับการเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้า SMR นั้น ทาง กฟผ. ให้ข้อแนะนำต่อคณะผู้จัดทำร่างแผน PDP 2024 ที่ควรระบุให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า เพื่อจะได้เตรียมกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนเป็นการล่วงหน้า โดยมองว่าการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากประชาชนต่อโรงไฟฟ้า SMR เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันมี 18 ประเทศที่มีการออกแบบและพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น แคนาดา แอฟริกาใต้ สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ซาอุดิอาระเบีย อาร์เจนติน่า อินโดนีเซีย ในรูปแบบต่างๆ กัน รวมกันมากกว่า 80 รูปแบบ โดยต้นทุนราคาค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า SMR นั้น ปรับลดลงมาใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงแล้ว

ปัจจุบัน มีโรงไฟฟ้า SMR 2 แห่งในโลกที่เปิดดำเนินการแล้ว คือ โรงไฟฟ้า Akademik Lomonosov แบบลอยน้ำ ขนาด 70 เมกะวัตต์ ของรัสเซีย และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ HTR-PM ของประเทศจีน ขนาด 210 เมกะวัตต์